คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขนส่งสินค้าแบบ ซีเอฟเอส/ซีเอฟเอส ซึ่งผู้ขนส่งเป็นผู้รับสินค้าจากผู้ส่งทำการตรวจนับและบรรจุสินค้าเข้าตู้ที่ท่าเรือต้นทาง ผู้ขนส่งต้องตรวจสอบตู้สินค้าว่าอยู่ในสภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับสินค้าที่ใช้บรรจุแล้ว และเมื่อขนส่งสินค้าไปถึงท่าเรือปลายทางผู้ขนส่งจะเป็นผู้เปิดตู้เพื่อขนถ่ายสินค้าออกจากตู้เพื่อเตรียมส่งมอบแก่ผู้รับตราส่ง เมื่อความเสียหายของสินค้าเกิดขึ้นจากการที่หลังคาตู้ที่ใช้บรรจุสินค้าพิพาทมีรูรั่ว ซึ่งเป็นความบกพร่องของผู้ขนส่งที่ละเลยไม่จัดเตรียมตู้สินค้าให้ดีเหมาะสมกับสภาพสินค้าที่ตนรับขน แต่กลับนำตู้สินค้าที่ชำรุดมีรูรั่วมาใช้บรรจุสินค้าพิพาท ทั้งที่รู้ว่าอาจเกิดความเสียหายกับสินค้าที่บรรจุภายในตู้นั้นได้ จำเลยทั้งสองในฐานะผู้ขนส่งจึงไม่อาจอ้างข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่ง ตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 60 (1) ประกอบ มาตรา 58 มาเป็นประโยชน์แก่ตนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 279,771.93 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 261,552.81 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่าขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 261,551.81 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 20กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 18,219.12 บาท ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 15,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง ประการแรกมีว่าตู้ที่ใช้บรรจุสินค้าพิพาทมีรูรั่วที่หลังคาทำให้สินค้าเข็มกลัดโลหะเปียกน้ำได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่งทางทะเลหรือไม่ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับฟังข้อเท็จจริงตามรายงานการสำรวจภัยโดยนายอาโนล ที่ระบุว่า กล่องสินค้า 16 กล่อง เปียกน้ำ ฉีกขาด เปื่อยยุ่ย ความเสียหายเกิดจากรูรั่วที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ขนาดความยาวประมาณ 6 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ที่บริเวณหลังคาตู้ห่างจากด้านหน้าตู้ประมาณ 1 เมตร โดยในเรื่องรูรั่วที่หลังคาตู้สินค้า นายอาโนลได้รับทราบจากนายบารอส ผู้จัดการโกดังสินค้าของจำเลยที่ 2 ซึ่งนายอาโนลได้สรุปท้ายรายงานดังกล่าวว่า กล่องสินค้าเปียกน้ำเสียหาย เนื่องจากน้ำฝนไหลเข้าตู้สินค้าผ่านทางรูรั่วบริเวณหลังคาด้านบน โดยกล่องสินค้าที่ได้รับความเสียหายส่วนใหญ่เป็นกล่องสินค้าที่ตั้งอยู่แถวบนใกล้รูรั่ว จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ทำนองเดียวกันว่า นายอาโนลไม่ได้ตรวจสอบด้วยตนเองให้แน่ชัดว่าตู้สินค้ามีรูรั่วจริงและไม่ได้ถ่ายภาพตู้สินค้าที่มีรูรั่วมาแสดง คงรับฟังคำบอกเล่ามาจากนายบารอสเท่านั้น กรณีจึงเป็นพิรุธและไม่อาจรับฟังได้ว่าตู้สินค้าพิพาทมีรูรั่วที่หลังคาจริง เห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเป็นการโต้แย้งการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานโจทก์ แต่ไม่ได้อุทธรณ์โต้แย้งว่ารายงานการสำรวจภัยไม่ถูกต้องอย่างไร ตลอดจนไม่ได้โต้แย้งว่านายบารอสไม่ใช่ผู้จัดการโกดังสินค้าของจำเลยที่ 2 หรือไม่ได้เป็นพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขนถ่าย เก็บรักษาตู้สินค้าและสินค้าพิพาท หรือคำบอกเล่าของนายบารอสดังกล่าวไม่ถูกต้องอย่างไร ตามรายงานการสำรวจภัย ก็มีข้อความระบุไว้ว่า นายอาโนลและผู้สำรวจภัยของโจทก์ไม่ได้รับความร่วมมือจากพนักงานของจำเลยที่ 2 ที่สำนักงานหลักในเรื่องเอกสารหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการขนถ่ายสินค้า แม้โจทก์จะไม่มีหลักฐานภาพถ่ายตู้สินค้ามายืนยัน แต่โจทก์ก็ได้นำสืบถึงสาเหตุดังกล่าวแล้ว ทั้งนายอาโนลซึ่งเป็นผู้จัดทำรายงานก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและตู้สินค้ามาจากพนักงานผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง นอกจากนี้ ตู้ที่ใช้บรรจุสินค้าพิพาทดังกล่าวก็อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 2 ดังนั้นจึงย่อมอยู่ในวิสัย ที่จำเลยที่ 2 จะถ่ายภาพตู้สินค้าดังกล่าวมานำสืบหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมิได้เป็นพิรุธดังที่จำเลยทั้งสองกล่าวอ้าง และมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า สินค้าเข็มกลัดโลหะดังกล่าวเปียกน้ำ เนื่องจากมีน้ำไหลเข้ามาผ่านทางรูรั่วที่หลังคาตู้สินค้าทำให้สินค้าได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่งทางทะเล จำเลยทั้งสองในฐานะผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดเพื่อความเสียหายของสินค้าดังกล่าว…
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ประการสุดท้ายมีว่าจำเลยทั้งสองอ้างข้อจำกัดความรับผิดตามมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 ขึ้นเป็นประโยชน์แก่ตนได้หรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สินค้าพิพาทมีเงื่อนไขการขนส่งเป็นแบบ ซีเอฟเอส / ซีเอฟเอส ซึ่งผู้ขนส่งเป็นผู้รับสินค้าจากผู้ส่งทำการตรวจนับและบรรจุสินค้าเข้าตู้ที่ท่าเรือต้นทาง ผู้ขนส่งต้องตรวจสอบตู้สินค้าว่าอยู่ในสภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับสินค้าที่ใช้บรรจุแล้วและเมื่อขนส่งสินค้าไปถึงท่าเรือปลายทาง ผู้ขนส่งจะเป็นผู้เปิดตู้เพื่อขนถ่ายสินค้าออกจากตู้เพื่อเตรียมส่งมอบแก่ผู้รับตราส่ง และความเสียหายเกิดขึ้นจากการที่หลังคาตู้ที่ใช้บรรจุสินค้าพิพาทมีรูรั่วซึ่งได้ความจากคำเบิกความของนายจักรกฤษณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสินไหมทดแทนของโจทก์ ประกอบรายงานการสำรวจว่า รูรั่วสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอยู่บนหลังคาของตู้สินค้า มีขนาดยาวประมาณ 6 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร แสดงว่า รูรั่วดังกล่าวปรากฏชัดเจน หากจำเลยที่ 2 ได้สำรวจตรวจสอบสภาพตู้สินค้าพิพาทก่อนนำมาบรรจุสินค้าก็น่าจะพบรูรั่วนี้ได้โดยง่าย การที่มีน้ำไหลผ่านรูรั่วไปยังกล่องสินค้าเป็นเหตุให้เข็มกลัดโลหะขึ้นสนิม เสียหาย เหตุดังกล่าวเป็นเพราะจำเลยทั้งสองไม่จัดเตรียมตู้สินค้าให้ดีเหมาะสมกับสภาพสินค้าที่ตนรับขนแต่กลับนำตู้สินค้าที่ชำรุดมีรูรั่วมาใช้บรรจุสินค้าพิพาท ซึ่งเป็นความบกพร่องของจำเลยที่ 2 ผู้ขนส่งที่ละเลยไม่เอาใจใส่ ทั้งที่รู้ว่าอาจเกิดความเสียหายกับสินค้าที่บรรจุภายในตู้นั้นได้ ตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 60 (1) ประกอบมาตรา 58 จำเลยทั้งสองย่อมไม่อาจอ้างข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งมาเป็นประโยชน์แก่ตนได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความแก่โจทก์ 15,000 บาท นั้น เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความทั้งสองศาลรวม 21,000 บาท แทนโจทก์

Share