แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มีหนังสือถึงอธิบดีกรมศิลปากร ขอซ่อมเปียโน พิพาทแจ้งว่าโจทก์มีความสามารถที่จะซ่อมเปียโน ให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ มิได้มีการระบุขอซ่อมเพื่อรักษาสภาพของเก่าตามสัญญาว่าจ้างฉบับพิพาท โจทก์ก็ระบุให้ซ่อมโดยอนุรักษ์ของเก่าเท่าที่ทำได้โดยไม่มีรายละเอียดว่าส่วนใดห้ามเปลี่ยนส่วนใดให้เปลี่ยนได้การตกลงว่าจ้างซ่อมเปียโน เก่าเพื่อให้ใช้ได้โดยสมบูรณ์และให้รักษาของเก่าด้วยเช่นนี้จึงเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเปียโน อายุมากกว่า 180 ปี หมดสภาพการใช้งานโดยสิ้นเชิงแล้ว เมื่อการกำหนดรายละเอียดในการซ่อม ไม่ปรากฎในสัญญาจ้างโดยชัดแจ้ง จึงต้องอยู่ในดุลพินิจของ ช่างผู้ชำนาญจะพิจารณา หากรักษาของเก่ามากเปียโน ก็ใช้งาน ไม่ได้ หากจะให้ใช้งานได้สภาพของเก่าจะหมดลง การที่จำเลย ให้ช่างเปลี่ยนชุดแป้นลิ่มนิ้วทั้งสองด้าน ทั้งที่ชุดแป้นลิ่มนิ้วด้านหนึ่งยังพอใช้ได้แต่หากใช้แป้นลิ่มนิ้วเก่า เปียโน จะได้เสียง ไม่สมบูรณ์ตามสัญญาจ้าง จึงถือเป็นความจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ นอกจากนี้ตามสัญญาว่าจ้างตกลงค่าจ้างแน่นอน ทั้งตามข้อสัญญามิได้มีข้อกำหนดว่าชิ้นส่วนที่ชำรุดดังกล่าวจะต้องส่งคืนโจทก์ การซ่อมแซมของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาจ้างแล้ว และเมื่อการบอกเลิกสัญญาของโจทก์เป็นไปโดยมิชอบ โจทก์จึงต้องชำระค่าจ้างที่ค้างแก่จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า กรมศิลปากรเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เปียโนยี่ห้อเพลเยล ซึ่งเป็นเปียโนคู่หรือเปียโนสี่มือ สร้างขึ้นเมื่อระหว่างปี 2349 ถึง 2358 อันเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดินมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ แต่อยู่ในสภาพใช้การไม่ได้โจทก์ทั้งสองจึงเสนอต่อกรมศิลปากรขอเปียโนพิพาทไปดำเนินการซ่อมเพื่ออนุรักษ์และให้ใช้การได้ และโจทก์ทั้งสองตกลงว่าจ้างจำเลยซ่อมเปียโนดังกล่าวโดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ จะต้องซ่อมโดยรักษาของเก่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอุปกรณ์ที่จะใช้ทดแทนจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อเรนเนอร์ที่ผลิตจากประเทศเยอรมนีหลังจากจำเลยซ่อมเปียโนเสร็จ กรมศิลปากรตรวจสภาพแล้วเห็นว่าจำเลยซ่อมไม่ถูกต้องตามเจตนาซึ่งจะต้องรักษาของเก่าไว้ให้มากที่สุดแต่จำเลยได้เปลี่ยนชุดแป้นลิ่มนิ้ว ชุดค้อนและชุดเท้าเหยียบใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นสาระสำคัญของเปียโนพิพาทอันจะต้องอนุรักษ์ให้คงสภาพเดิมไว้ และจำเลยสามารถซ่อมแซมชิ้นส่วนของเก่าได้เมื่อจำเลยเปลี่ยนชิ้นส่วนดังกล่าวทำให้เปียโนพิพาทเสื่อมคุณค่าและขาดการอนุรักษ์ของเก่าของโบราณล้ำค่า คิดเป็นค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 10,000,000 บาท โจทก์ทั้งสองแจ้งให้จำเลยจัดการซ่อมเปียโนพิพาทใหม่ โดยแก้ไขให้ถูกต้องตามสัญญา จำเลยเพิกเฉยโจทก์จึงบอกเลิกสัญญา โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย10,000,000 บาท และจำเลยจะต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 17 มีนาคม 2535 กับจำเลยต้องคืนชุดแป้นลิ่มนิ้ว ชุดค้อน และชุดเท้าเหยียบทั้งสองข้างแก่โจทก์ เพื่อโจทก์ทั้งสองจะได้นำชิ้นส่วนของเปียโนพิพาทดังกล่าวคืนแก่กรมศิลปากร ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 10,031,249 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 10,000,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง กับให้จำเลยส่งคืนชิ้นส่วนชุดแป้นลิ่มนิ้ว ชุดค้อนและชุดเท้าเหยียบทั้งสองข้างแก่โจทก์ทั้งสองด้วย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ทั้งสองกับจำเลยตกลงกันว่าการซ่อมแซมจะต้องทำให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ตามปกติ มิใช่เป็นการซ่อมแซมแต่เพียงรูปลักษณะให้เรียบร้อยและใช้ประโยชน์ได้แต่เพียงตั้งโชว์เท่านั้น แม้จะเป็นการซ่อมแซมโดยพยายามรักษาของเก่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็ตาม แต่หากมีอุปกรณ์ใดที่จะใช้ของเดิมไม่ได้ ก็จะต้องใช้อุปกรณ์ยี่ห้อเรนเนอร์ที่ผลิตจากประเทศเยอรมนีมาทดแทน เปียโนพิพาทมีอายุเกือบ200 ปี อยู่ในสภาพชำรุดใช้งานไม่ได้ ชิ้นส่วนที่เป็นไม้ชำรุดถูกปลวกกัดกินเนื้อไม้จนแทบใช้การไม่ได้โดยเฉพาะชุดแป้นลิ่มนิ้วและชุดค้อนซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญและมีความละเอียดอ่อนอันจะต้องใช้ช่างผู้ชำนาญเป็นกรณีพิเศษและโรงงานที่มีอุปกรณ์ซ่อมแซมอย่างพร้อมเพรียงจึงจะดำเนินการซ่อมได้ จำเลยได้ปฎิบัติตามสัญญาถูกต้องครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ทั้งสองยังมิได้ชำระค่าจ้างแก่จำเลยในงวดที่ 3 จึงขอให้โจทก์ทั้งสองชำระเงิน156,524.85 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน146,456 บาท นับถัดจากวันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ทั้งสองให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยผิดสัญญาไม่ซ่อมเปียโนพิพาทเพื่อการอนุรักษ์ซึ่งจะต้องรักษาของเก่าไว้ให้มากที่สุด ทำให้เปียโนพิพาทเสื่อมคุณค่าของโบราณ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกและให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เปียโนพิพาทเป็นเปียโนสองหัว สามารถใช้เล่นได้พร้อมกันสองคน เป็นเปียโนเก่าสร้างขึ้นประมาณปี 2349 ถึง 2358 เคยเป็นสมบัติของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นเปียโนที่พระเจนดุริยางค์ ปรมาจารย์ทางด้านดนตรีใช้ประพันธ์ทำนองเพลงชาติไทย มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ปัจจุบันเป็นกรรมสิทธิ์ของกรมศิลปากร โจทก์ทั้งสองเห็นว่าเปียโนดังกล่าวสภาพใช้การไม่ได้จึงเสนอกรมศิลปากรขอซ่อมเปียโนดังกล่าว โดยโจทก์ที่ 2 รับจะเป็นผู้รับภาระจัดหาเงินจากผู้ที่สนับสนุนมาดำเนินการ เมื่อซ่อมเปียโนเสร็จแล้ว โจทก์ที่ 2 จะร่วมกับกรมศิลปากรจัดรายการ “รับขวัญเปียโน” มีการบรรเลงที่โรงละครแห่งชาติก่อนจะมอบเปียโนให้อยู่ในความดูแลของกรมศิลปากรสืบไป ภายหลังกรมศิลปากรอนุมัติให้โจทก์ที่ 2 จัดซ่อมเปียโนดังกล่าว โจทก์ทั้งสองได้ว่าจ้างจำเลยจัดการซ่อม ปรากฎตามสัญญาจ้าง ภายหลังทำสัญญาจำเลยได้จัดซ่อม โดยเปลี่ยนชุดแป้นลิ่มนิ้ว ชุดค้อนและชุดเท้าเหยียบทั้งสองข้าง โจทก์ทั้งสองทักท้วงว่าจำเลยมิได้ซ่อมโดยอนุรักษ์ของเดิม ให้จำเลยซ่อมใหม่ จำเลยไม่ซ่อมใหม่โจทก์ทั้งสองจึงบอกเลิกสัญญา จำเลยได้มอบเปียโนที่ซ่อมเสร็จแล้วให้กรมศิลปากรและมีหนังสือทวงถามโจทก์ทั้งสองให้ชำระค่าจ้างส่วนที่ค้างอีกจำนวน 146,456 บาท แต่โจทก์ทั้งสองไม่ยอมชำระ
ปัญหาตามฎีกาจำเลยมีเพียงว่า จำเลยผิดสัญญารับจ้างซ่อมเปียโนพิพาทหรือไม่ ปัญหานี้จำเลยฎีกาโต้แย้งว่า ตามข้อตกลงในสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.11 และ จ.13 ไม่มีการระบุว่าชิ้นส่วนใดของเปียโนที่จะเปลี่ยนได้หรือเปลี่ยนไม่ได้ แต่รายละเอียดตามเอกสารหมาย จ.11 ระบุถึงชิ้นส่วนและราคาไว้เช่น ชุดค้อน 2 ชุดจำนวน 176 ชิ้น เป็นเงิน 24,000 บาท ซึ่งเท่ากับจำเลยเสนอเปลี่ยนชุดค้อนใหม่หมดทั้งสองชุด ชุดแป้นลิ่มนิ้วทั้งชุดระบุราคา14,250 บาท ซึ่งเท่ากับจำเลยเสนอราคาเปลี่ยนชุดแป้นลิ่มนิ้วทั้งชุด จำเลยซ่อมเปียโนโดยพยายามรักษาของเก่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามสัญญาแล้ว ตามข้อตกลงระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยในการจ้างซ่อมนอกจากต้องอนุรักษ์ของเก่าแล้ว ยังมีข้อตกลงว่าผลการซ่อมต้องทำให้เปียโนใช้งานได้โดยสมบูรณ์ด้วย เพราะซ่อมเสร็จจะต้องนำเปียโนออกแสดงคอนเสิร์ตได้ ในสัญญาซ่อมระบุให้ซ่อมส่วนที่ชำรุดเสียหายใช้การไม่ได้ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ สาเหตุที่จำเลยต้องเปลี่ยนแป้นลิ่มนิ้วทั้งสองด้านทั้ง ๆ ที่ด้านหนึ่งมีสภาพพอซ่อมแซมได้ เพราะหากไม่เปลี่ยนใหม่ทั้งสองด้านจะทำให้เปียโนใช้งานไม่ได้ตามสัญญา เห็นว่า ตามเอกสารหมาย จ.6 ที่โจทก์ที่ 2 มีถึงอธิบดีกรมศิลปากร ขอซ่อมเปียโนพิพาทแจ้งว่าโจทก์ที่ 2 มีความสามารถที่จะซ่อมเปียโนให้อยู่ในสภาพที่จะใช้งานได้ มิได้มีการระบุขอซ่อมเพื่อรักษาสภาพของเก่าตามเอกสารประกอบสัญญาหมาย จ.11 ก็ระบุให้ซ่อมโดยอนุรักษ์ของเก่าเท่าที่ทำได้โดยไม่มีรายละเอียดว่าส่วนใดห้ามเปลี่ยนส่วนใดให้เปลี่ยนได้การตกลงให้ซ่อมโดยรักษาของเก่า ก็ไม่ได้ระบุว่าของเก่าส่วนใดต้องรักษา ส่วนใดไม่ต้องรักษาเพียงตกลงว่าให้รักษาของเก่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การซ่อมเปียโนเก่าเพื่อให้ใช้ได้โดยสมบูรณ์และให้รักษาของเก่าด้วยเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเปียโนอายุมากกว่า 180 ปี หมดสภาพการใช้งานโดยสิ้นเชิงแล้ว การกำหนดรายละเอียดในการซ่อมไม่ปรากฎในสัญญาจ้างโดยชัดแจ้ง ต้องอยู่ในดุลพินิจของช่างผู้ชำนาญจะพิจารณา หากรักษาของเก่ามากเปียโนก็ใช้งานไม่ได้ หากจะให้ใช้งานได้สภาพของเก่าจะหมดลง การที่จำเลยให้ช่างเปลี่ยนชุดแป้นลิ่มนิ้วทั้งสองด้าน ทั้งที่ชุดแป้นลิ่มนิ้วด้านหนึ่งยังพอใช้ได้ แต่หากใช้แป้นลิ่มนิ้วเก่าเปียโนจะได้เสียงไม่สมบูรณ์ตามสัญญาจ้าง จึงถือเป็นความจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ตามสัญญามีค่าจ้างแน่นอนการทำชุดแป้นลิ่มนิ้วเพิ่ม จำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นได้กำไรน้อยลง หากไม่มีความจำเป็นก็เชื่อได้ว่าจำเลยคงไม่ยอมเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งตามข้อสัญญามิได้มีข้อกำหนดว่าชิ้นส่วนที่ชำรุดดังกล่าวจะต้องส่งคืนโจทก์ทั้งสอง การซ่อมแซมของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.11 และ จ.13 แล้ว การบอกเลิกสัญญาของโจทก์ทั้งสองเป็นไปโดยมิชอบ โจทก์ทั้งสองจึงต้องชำระค่าจ้างที่ค้างแก่จำเลย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องของโจทก์ทั้งสอง ให้โจทก์ทั้งสองร่วมกันชำระค่าจ้างตามสัญญาที่ยังค้างชำระจำนวน 146,456 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 12 มิถุนายน2534 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น