คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็ค 2 ฉบับ สั่งจ่ายเงินเพื่อชำระค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ให้แก่ผู้เสียหาย แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินทั้งสองฉบับและจำเลยถูกฟ้องในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ แม้ เงินที่ผู้เสียหายได้รับไปจากจำเลยในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นจะเป็นจำนวนมากกว่าจำนวนเงินในเช็คฉบับแรกก็ตาม แต่ก็ยังไม่พอเพียงต่อการชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ ทั้งหมดที่จำเลยออกเช็คทั้ง 2 ฉบับที่พิพาทเพื่อชำระหนี้แก่ ผู้เสียหาย เมื่อหนี้ดังกล่าวยังมีผลผูกพันจำเลย ทั้งตาม ข้อตกลงที่ผู้เสียหายกับจำเลยร่วมกันแถลงต่อศาลชั้นต้นระบุ ว่า จำเลยต้องชำระเงินให้ครบถ้วนตามเช็คทั้ง 2 ฉบับผู้เสียหายจึงจะถอนคำร้องทุกข์ให้ และไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายกับจำเลยได้เปลี่ยนแปลงข้อตกลงให้คดีตามเช็คฉบับหนึ่งฉบับใดเลิกกันไปก่อนได้ คดีตามเช็คฉบับแรกจึงยังไม่เลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 การออกเช็คของจำเลยจึงเป็นความผิด 2 กระทง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เรียงกระทงลงโทษรวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 4 เดือน รวมจำคุก 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยออกเช็ค2 ฉบับ สั่งจ่ายเงินฉบับละ 96,170 บาท เพื่อชำระค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ให้แก่ผู้เสียหาย แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินทั้งสองฉบับ จำเลยถูกฟ้องในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คต่อศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดี จำเลยนำเงินไปชำระแก่ผู้เสียหายและวางที่ศาลชั้นต้นโดยผู้รับมอบอำนาจของผู้เสียหายรับเงินไปแล้วรวมเป็นเงินจำนวน 122,340 บาท แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาเรียงกระทงลงโทษรวม 2 กระทง ลดโทษกึ่งหนึ่งแล้วจำคุก 4 เดือนจำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยคงมีความผิดเพียง 1 กระทง ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษายืน เห็นว่า เงินที่ผู้เสียหายได้รับไปจากจำเลยในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นรวม 122,340 บาท นั้น แม้จะเป็นจำนวนมากกว่าจำนวนเงินในเช็คฉบับลงวันที่ 15 มีนาคม 2536 ก็ตามแต่ก็ยังไม่พอเพียงต่อการชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ที่จำเลยออกเช็คทั้งสองฉบับชำระแก่ผู้เสียหายไว้ หนี้ดังกล่าวจึงยังมีผลผูกพันจำเลยทั้งตามข้อตกลงที่ผู้เสียหายกับจำเลยร่วมกันแถลงต่อศาลชั้นต้นระบุว่าจำเลยต้องชำระเงินให้ครบถ้วนตามเช็คทั้งสองฉบับ ผู้เสียหายจึงจะถอนคำร้องทุกข์ ดังนี้เมื่อเงินที่จำเลยชำระยังไม่ครบถ้วนตามเช็คทั้งสองฉบับ และไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายกับจำเลยได้เปลี่ยนแปลงข้อตกลงให้คดีตามเช็คฉบับหนึ่งฉบับใดเลิกกันไปก่อนได้ คดีตามเช็คฉบับลงวันที่ 15 มีนาคม 2536จึงยังไม่เลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 การออกเช็คของจำเลยจึงเป็นความผิด 2 กระทงตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาไว้ และเมื่อวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวแล้ว ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยรวมถึงดุลพินิจในการกำหนดโทษด้วย ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2527(ประชุมใหญ่) ระหว่าง พนักงานอัยการ จังหวัดพิษณุโลก โจทก์นายสงวน สาดสี จำเลย และเห็นว่าตามพฤติการณ์จำเลยเพียรพยายามขวนขวายนำเงินไปชำระตามเช็คอย่างถึงที่สุดแล้วทั้งจำเลยก็รับสารภาพมาแต่ต้น ไม่มีเจตนาบิดพลิ้ว และเมื่อโทษที่ลงแก่จำเลยเพียงจำคุกกระทงละ 2 เดือน นับว่าเป็นการจำคุกระยะสั้น การจำคุกจำเลยระยะสั้นเช่นกัน ไม่ใช่วิธีแก้ไขเพื่อให้จำเลยเป็นพลเมืองดี ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้โอกาสแก่จำเลยสักครั้งหนึ่ง โดยรอการลงโทษแก่จำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share