แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์ต้องห้ามเพราะคำสั่งของศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ วรรคท้ายจึงไม่รับ
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 เห็นว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องและคลาดเคลื่อนต่อความจริง เนื่องจากศาลชั้นต้นมิได้หยิบยกพยานหลักฐานโจทก์มาชั่งน้ำหนักพิจารณาพิพากษาคดีเลยกลับยกแต่พยานหลักฐานจำเลยที่ไม่เป็นความจริงและไม่มีน้ำหนักมาชี้ขาดคดีจึงเป็นปัญหาสำคัญสมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูงอีกครั้งหนึ่งการที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ,193 ตรี,198 ทวิ วรรคท้าย เป็นดุลพินิจที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358,84
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่พิจารณาพิพากษาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิและพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์จึงไม่รับและไม่อนุญาตให้อุทธรณ์
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 124)
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 125)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อ 2(ก) ที่ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องทำเป็นรูปคำสั่งไม่ใช่คำพิพากษา จึงไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ วรรคสาม นั้นหาเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยไม่ ฎีกาข้อ 2(ข)และ(ค)ที่ว่า ศาลชั้นต้นไม่รับและไม่อนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิไม่ชอบ ต้องใช้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง และศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยทำคำพิพากษาด้วยวาจาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 21 ไม่ถูกต้อง ต้องทำเป็นคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 นั้น ก็เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ทั้งไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรวินิจฉัยอีกเช่นกัน ส่วนฎีกาที่ขอให้สั่งศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ก็เป็นอำนาจเฉพาะของแต่ละศาล หาอาจสั่งให้เช่นนั้นได้ไม่ และฎีกาอื่นนอกจากนี้ก็ล้วนแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์ ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง