คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่คู่ความฝ่ายหนึ่งครอบครองที่พิพาทอยู่ระหว่างคดีนั้น คู่ความฝ่ายที่ครอบครองจะยกเอาสิทธิแห่งการครอบครองดังกล่าวนี้มายันคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้
โจทก์ประมูลซื้อที่ได้จากการขายทอดตลาดของศาล แล้วถูกจำเลยฟ้องกล่าวหาว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตไปยึดที่จำเลยมาขาย ขอให้ศาลแสดงว่าที่เป็นของจำเลย โจทก์สู้คดี แต่มิได้ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายในการที่จำเลยยังคงครอบครองที่นั้น ปล่อยจนคดีถึงที่สุด ซึ่งล่วงเลยมา2-3 ปีจึงมาฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดศาลให้ค่าเสียหายเพียง 1 ปี นอกนั้นขาดอายุความศาลไม่บังคับให้
คดีเรื่องก่อนจำเลยฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยขอให้ศาลแสดงว่าที่เป็นของจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่าเป็นของโจทก์ ได้สู้คดีกัน ในที่สุดโจทก์ชนะคดีเมื่อชนะคดีแล้วโจทก์มาฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จำเลยเข้าครอบครองที่นั้นเช่นนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคนละประเด็น

ย่อยาว

กรณีนี้เดิมนางมีแพ้คดีโจทก์ตามสำนวนคดีแพ่งแดงที่ 19/2492ของศาลจังหวัดสมุทรปราการ โจทก์จึงยึดที่ 34 ไร่เศษให้ศาลขายทอดตลาด แล้วโจทก์เองได้ซื้อไว้ ต่อมาบริษัทห้างหุ้นส่วนสามัญสยามกสิกรและนายเจียมจำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์ว่าที่ ๆ โจทก์ซื้อเป็นของตน โจทก์ทราบเรื่องนี้แล้วยังไปยึดมาขาย เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดนั้นแล้วแสดงว่าห้างหุ้นส่วนสยามกสิกรและนายเจียมเป็นเจ้าของ โจทก์สู้คดีศาลจังหวัดสมุทรปราการตัดสินยกฟ้องตามคดีแพ่งแดงที่ 34/2496 ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และคดีถึงที่สุดแค่ศาลอุทธรณ์ โจทก์ชนะคดีแล้วจึงมาฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยได้ละเมิดเข้าทำนาในที่ ๆ โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาดตั้งแต่ พ.ศ. 2492 มาถึง พ.ศ. 2497 ทำให้โจทก์ขาดเสียรายได้คิดเป็นข้าวปีละ 1,360 ถัง คิดเป็นเงินรวม 65,280 บาท ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนนี้กับดอกเบี้ยอีกร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่ฟ้องไปจนชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยต่อสู้ว่าได้ปกครองที่มา 20 ปีเศษ ฟ้องโจทก์ขาดอายุ และเป็นฟ้องเคลือบคลุม และเป็นการฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ 34/2496และโจทก์ไม่ได้รับค่าเสียหายดังฟ้อง

คู่ความรับกันว่า นายเจียมจำเลยได้ฟ้องโจทก์ตามสำนวนคดีแดงที่ 34/2496 และระหว่างคดีนั้นจำเลยได้ครอบครองทำนารายพิพาทการทำนาได้ข้าวเปลือกไร่ละ 35 ถังต่อปี ราคาข้าวเปลือกถังละ 8 บาท แล้วโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คดีโจทก์ที่ฟ้องไม่เป็นการฟ้องซ้ำและไม่เคลือบคลุม และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเพียง 1 ปี นอกนั้นขาดอายุความ

คู่ความอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

คู่ความฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า

1. ฟ้องของโจทก์ไม่ซ้ำ เพราะคดีเรื่องก่อนจำเลยฟ้องขอแสดงว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่าเป็นของโจทก์ ประเด็นจึงมีเสียงว่าที่พิพาทเป็นของใคร จึงเป็นคนละประเด็นกับคดีนี้ แม้โจทก์จะมีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายในการละเมิด แต่ก็มิได้ฟ้องแย้งนั้น เป็นคนละสิทธิคนละส่วน โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายได้

2. จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมาแต่ พ.ศ. 2492 เกิน 1 ปีโจทก์ ขาดสิทธิ ในการครอบครอง ข้อนี้เห็นว่าการที่คู่ความฝ่ายหนึ่งครอบครองทรัพย์รายพิพาทในระหว่างคดีนั้น จะยกมายันแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งหาได้ไม่ ฉะนั้นจึงไม่ขาดอายุความ

3. ค่าเสียหายฟ้องได้เพียง 1 ปี นอกนั้นขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448

Share