แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หลังเกิดเหตุรถยนต์ชนกันโจทก์ที่2เจ้าของรถยนต์ฝ่ายหนึ่งได้เจรจากับ พ. คนขับรถยนต์คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นฝ่ายประมาท พ. ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดโดยการซ่อมรถยนต์ให้อยู่ในสภาพดีใช้การได้ดีเหมือนเดิมและยินดีชดใช้ค่าสินค้าที่บรรทุกมาซึ่งได้รับความเสียหายด้วยและทั้งสองฝ่ายตกลงกันอีกว่าจะไม่เรียกร้องหรือฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งอีกต่อไปเอกสารข้อตกลงดังกล่าวเป็นเพียงหนังสือที่ พ. ยอมรับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องโดยไม่มีรายละเอียดหรือข้อตกลงที่แน่นอนเกี่ยวกับจำนวนเงินที่จะต้องชำระวิธีการชำระอันจะทำให้ปราศจากการโต้แย้งกันอีกจึงมิใช่เป็นการระงับข้อพิพาทในมูลละเมิดกรณีมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความอันจะทำให้จำเลยที่1ซึ่งเป็นนายจ้างของพ. และจำเลยที่2ผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่1หลุดพ้นความรับผิดในมูลละเมิดนั้น
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ ที่ 1 ได้รับ ประกันภัย รถยนต์ คัน หมายเลขทะเบียน 80-5430 นครสวรรค์ ไว้ จาก โจทก์ ที่ 2 จำเลย ที่ 2 ได้รับประกันภัย รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน 80-6069 เชียงใหม่ ไว้ จากจำเลย ที่ 1 เมื่อ วันที่ 27 เมษายน 2528 เวลา กลางคืน นาย พิชัย ชื่นเชาว์กิจ ลูกจ้าง ของ จำเลย ที่ 1 และ ใน ทางการที่จ้าง ได้ ขับ รถยนต์ คัน ที่ จำเลย ที่ 2 รับประกัน ภัย ไว้ ไป ตาม ถนน สาย เอเซีย จากกรุงเทพมหานคร มุ่งหน้า ไป จังหวัด นครสวรรค์ แต่ นาย พิชัย ขับ รถ ด้วย ความประมาท ด้วย ความ เร็ว สูง เกินกว่า ที่ กฎหมาย กำหนด ครั้น มา ถึงระหว่าง หลัก กิโลเมตร ที่ 193-194 รถ เสีย หลัก แฉลบ เข้า ไป ใน ช่องทางของ รถ ที่ สวน มา ซึ่ง ขณะ นั้น นาย ไพฑูรย์ เอี่ยมอุบล ได้ ขับ รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน 80-5430 นครสวรรค์ แล่น สวนทาง มา จึง เกิด เฉี่ยวชนกัน เป็นเหตุ ให้ รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน 80-5430 นครสวรรค์เสียหาย โจทก์ ที่ 1 ได้ นำ ไป ซ่อม คิด เป็น เงิน ค่าซ่อม จำนวน 84,072 บาทและ เสีย ค่า รถยก ลาก ไป อู่ ซ่อม อีก 1,500 บาท โจทก์ ที่ 1 จ่ายเงินค่าซ่อม และ ค่า ยก ลาก รถยนต์ ไป แล้ว จึง รับช่วงสิทธิ ของ โจทก์ ที่ 2เรียก ค่าเสียหาย ดังกล่าว รวมเป็น เงิน ค่าเสียหาย ของ โจทก์ ที่ 1ทั้งสิ้น 85,572 บาท เมื่อ ซ่อม เสร็จ แล้ว ทำให้ รถยนต์ ของ โจทก์ ที่ 2เสื่อมราคา เป็น เงิน 10,000 บาท และ ใช้ เวลา ซ่อม 60 วัน โจทก์ ที่ 2ประกอบการค้า ไม่ได้ คิด เป็น ค่าเสียหาย วัน ละ 500 บาท เป็น เงิน30,000 บาท ถั่วเขียว ของ โจทก์ ที่ 2 บรรทุก รถยนต์ มา จำนวน 27 กระสอบเสียหาย เป็น เงิน 40,000 บาท ผ้าใบ คลุม รถยนต์ เสียหาย ใช้ การ ไม่ได้คิด เป็น เงิน 5,000 บาท รวมเป็น ค่าเสียหาย ของ โจทก์ ที่ 2 เป็น เงิน85,000 บาท ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สอง ชำระ ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ ที่ 1จำนวน 90,920 บาท แก่ โจทก์ ที่ 2 จำนวน 91,375 บาท พร้อม ด้วยดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี ของ โจทก์ ที่ 1 จาก ต้นเงิน85,572 บาท และ ของ โจทก์ ที่ 2 จาก ต้นเงิน 85,000 บาท นับแต่ วันฟ้องไป จนกว่า จะ ชำระหนี้ แก่ โจทก์ ทั้ง สอง เสร็จ
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ใน ทำนอง เดียว กัน ว่า โจทก์ ที่ 1 ไม่ได้ รับประกันภัย รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน 80-5430 นครสวรรค์ และ โจทก์ ที่ 2มิใช่ เจ้าของ หรือ ผู้ครอบครอง รถยนต์ คัน ดังกล่าว นี้ ด้วย จำเลย ที่ 1มิใช่ เจ้าของ ผู้ครอบครอง รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน 80-6069 เชียงใหม่และ มิใช่ นายจ้าง ของ นาย พิชัย ชื่นเชาว์กิจ ทั้ง ความเสียหาย ได้ เกิดขึ้น เพราะ ความประมาท ของ นาย ไพฑูรย์ เอี่ยมอุบล เป็น ฝ่าย ขับ รถ ด้วย ความประมาท ด้วย ความ เร็ว สูง เกินกว่า ที่ กฎหมาย กำหนดไม่สามารถ บังคับ รถ ได้ เป็นเหตุ ให้ รถยนต์ ล้ำ กิน เส้น แบ่ง กึ่งกลาง ถนนเข้า มา ชน รถยนต์ ที่นาย พิชัย ขับ ค่าเสียหาย ของ โจทก์ ทั้ง สอง มี ไม่ถึง ตาม ฟ้อง จำเลย ทั้ง สอง ไม่ต้อง รับผิด เพราะ โจทก์ ที่ 2 ได้ ตกลงประนีประนอม ยอมความ กับ นาย พิชัย ชื่นเชาว์กิจ แล้ว ซึ่ง นาย พิชัย รับ ว่า จะ ชดใช้ ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ ที่ 2 จึง ควร ใช้ สิทธิเรียกร้อง จากนาย พิชัย โจทก์ ทั้ง สอง จะ ฟ้อง จำเลย ที่ 1 ที่ 2 มิได้ ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ข้อเท็จจริง ฟัง ยุติ ตาม คำพิพากษา ศาลล่างทั้ง สอง ว่า โจทก์ ที่ 2 ครอบครอง รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน 80-5430นครสวรรค์ และ เอา ประกันภัย รถยนต์ คัน ดังกล่าว ไว้ แก่ โจทก์ ที่ 1จำเลย ที่ 1 เป็น เจ้าของ รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน 80-6069 เชียงใหม่และ เอา ประกันภัย รถยนต์ คัน ดังกล่าว ไว้ แก่ จำเลย ที่ 2 วันเกิดเหตุนาย ไพฑูรย์ เอี่ยมอุบล ขับ รถยนต์ ของ โจทก์ ที่ 2 นาย พิชัย ชื่นเชาว์กิจ ขับ รถยนต์ ของ จำเลย ที่ 1 และ ใน ทางการที่จ้าง ของ จำเลย ที่ 1 ชนกัน เสียหาย ต่อมา โจทก์ ที่ 2 และ นาย ไพฑูรย์ กับ นาย พิชัย แจ้ง ให้ พนักงานสอบสวน บันทึก ข้อตกลง ตาม ใบ รายงาน ประจำวัน เกี่ยวกับ คดีไว้ ตาม เอกสาร หมาย ปล. 1 ของ ศาลจังหวัด ชัยนาท และ นาย พิชัย คนขับ รถ ของ จำเลย ที่ 1 เป็น ฝ่าย ประมาท
พิเคราะห์ แล้ว มี ปัญหา วินิจฉัย ว่า ข้อความ ใน สำเนา รายงานประจำวัน เกี่ยวกับ คดี เอกสาร หมาย ปล. 1 ของ ศาลจังหวัด ชัยนาทเป็น สัญญา ประนีประนอม ยอมความ ระงับ ข้อพิพาท ใน มูลละเมิด อันเป็น ผลให้ จำเลย ทั้ง สอง พ้น ความรับผิด หรือไม่ ตาม สำเนา รายงาน ประจำวันเกี่ยวกับ คดี เอกสาร หมาย ปล. 1 ของ ศาลจังหวัด ชัยนาท มี ข้อความ ว่านาย พิชัย ชื่นเชาว์กิจ ผู้ขับ รถยนต์บรรทุก หก ล้อ คัน หมายเลข ทะเบียน 80-6069 เชียงใหม่ ฝ่ายหนึ่ง และ นาย ไพฑูรย์ เอี่ยมอุบล ผู้ขับ รถยนต์บรรทุก สิบล้อ คัน หมายเลข ทะเบียน 80-5430 นครสวรรค์ พร้อม ด้วยนาย ฮอมุ้ย แซ่ลิ้ม ผู้ครอบครอง รถยนต์ คัน ดังกล่าว อีกฝ่าย หนึ่ง ได้ ตกลง กัน โดย ทาง ฝ่าย นาย โอมุ้ย เรียกร้อง ค่าเสียหาย รถยนต์ และ สินค้า ที่ บรรทุก มา ใน รถ จาก นาย พิชัย นาย พิชัย ยินดี ชดใช้ ค่าเสียหาย ทั้งหมด โดย การ ที่ จะ ซ่อม รถยนต์ ให้ อยู่ ใน สภาพ ดี และ ใช้ การ ได้ ดีเหมือนเดิม และ ยินดี ชดใช้ ค่าสินค้า ที่ บรรทุก มา ซึ่ง ได้รับ ความเสียหายด้วย และ ทั้ง สอง ฝ่าย ตกลง กัน อีก ว่า จะ ไม่เรียกร้อง หรือ ฟ้อง เรียกค่าเสียหาย ใน ทางแพ่ง อีก ต่อไป เห็นว่า ข้อความ ที่ พนักงานสอบสวน บันทึกไว้ ดังกล่าว เป็น เรื่อง ที่ โจทก์ ที่ 2 เรียกร้อง มูลหนี้ จาก การ ทำละเมิด โดย โจทก์ ที่ 2 ผู้เป็น เจ้าหนี้ มีสิทธิ เรียกร้อง ให้ ผู้ทำละเมิด ชดใช้ ค่าเสียหาย ใน การ ซ่อม รถยนต์ ให้ อยู่ ใน สภาพ ใช้ การ ได้ ดีและ ชดใช้ ค่าสินค้า ที่ บรรทุก มา ได้รับ ความเสียหาย ด้วย นาย พิชัย ผู้ทำละเมิด ทำ บันทึก ยอม จะ ชดใช้ ค่าเสียหาย ที่ เสียหาย ให้ เอกสารฉบับนี้ เป็น เพียง หนังสือ ที่นาย พิชัย ยอมรับ สภาพ ต่อ โจทก์ ผู้เป็น เจ้าหนี้ ตาม สิทธิเรียกร้อง โดย ไม่มี รายละเอียด หรือ ข้อตกลง ที่ แน่นอนเกี่ยวกับ จำนวนเงิน ที่ จะ ต้อง ชำระ วิธีการ ชำระ อัน จะ ทำให้ ปราศจากการ โต้แย้ง กัน อีก ข้อความ ใน สำเนา รายงาน ประจำวัน เกี่ยวกับ คดีดังกล่าว มิใช่ เป็น การ ระงับ ข้อพิพาท ใน มูลละเมิด แต่อย่างใด กรณีจึง มิใช่ สัญญา ประนีประนอม ยอมความ อัน จะ ทำให้ จำเลย ที่ 1 ซึ่ง เป็นนายจ้าง นาย พิชัย และ จำเลย ที่ 2 ผู้รับประกันภัย รถยนต์ ของ จำเลย ที่ 1หลุดพ้น ความรับผิด ใน มูลละเมิด นั้น ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง วินิจฉัย ว่าสำเนา บันทึก รายงาน ประจำวัน เกี่ยวกับ คดี เป็น สัญญา ประนีประนอม ยอมความศาลฎีกา ไม่เห็น พ้อง ด้วย ฎีกา ของ โจทก์ ทั้ง สอง ฟังขึ้น คง มี ปัญหาวินิจฉัย เฉพาะ เรื่อง ค่าเสียหาย ซึ่ง ศาลล่าง ทั้ง สอง ยัง มิได้ วินิจฉัย มาศาลฎีกา เห็นว่า เพื่อ ให้ คดี เป็น ไป ตามลำดับ ชั้น ศาล เห็นสมควรย้อนสำนวน ให้ ศาลชั้นต้น พิจารณา พิพากษา เรื่อง ค่าเสียหาย เพราะ ผลแห่ง การ วินิจฉัย ของ ศาลล่าง อาจ นำ ไป สู่ การ จำกัดสิทธิ การ ฎีกา ของคู่ความ ได้
พิพากษายก คำพิพากษา ศาลล่าง ทั้ง สอง ให้ ศาลชั้นต้น พิจารณาพิพากษา เกี่ยวกับ เรื่อง ค่าเสียหาย ของ โจทก์ ต่อไป ตาม รูปคดีค่าฤชาธรรมเนียม ทั้ง สาม ศาล ให้ ศาลชั้นต้น รวม สั่ง เมื่อ มี คำพิพากษา ใหม่