แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำให้การยังฟังไม่ได้เป็นยุติว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายศาลชั้นต้นจะต้องกำหนดประเด็นข้อพิพาทลงไว้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และให้คู่ความนำพยานหลักฐานมาสืบตามประเด็นดังกล่าวต่อไปดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา183วรรคสองบัญญัติไว้การที่ศาลชั้นต้นงดชี้สองสถานไม่กำหนดประเด็นข้อพิพาทตามข้อต่อสู้ของจำเลยและให้รอฟังคำพิพากษาโดยไม่ต้องสืบพยานเป็นการไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย เป็น ผู้สั่งจ่าย เช็คธนาคาร กรุงเทพพาณิชย์การ จำกัด สาขา สามเสน จ่ายเงิน 630,000 บาท ชำระหนี้ แก่ นางสาว อรศรี จรัญเวโรจน์ศิริ แล้ว นางสาว อรศรี นำ เช็ค มา แลก เงินสด จาก โจทก์ โจทก์ จึง เป็น ผู้ทรงเช็ค โดยชอบ ด้วย กฎหมายเมื่อ เช็ค ถึง กำหนด ชำระ ธนาคาร ตามเช็ค ปฏิเสธ การ จ่ายเงิน ขอให้ บังคับจำเลย ชำระ เงิน ตามเช็ค และ ดอกเบี้ย เป็น เงิน 651,100 บาท พร้อม ด้วยดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี ใน ต้นเงิน 630,000 บาท นับ ถัด จากวันฟ้อง จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์
จำเลย ให้การ ว่า นาง อรศรี จรัญเวโรจน์ศิริ มิได้ นำ เช็คพิพาท ไป แลก เงินสด จาก โจทก์ แต่ เอา เช็คพิพาท ให้ โจทก์ รับ สมอ้าง ว่า เป็นผู้ทรงเช็ค ฟ้อง เรียกเงิน จาก จำเลย โจทก์ จึง ไม่ใช่ ผู้ทรงเช็ค พิพาทโดยสุจริต ย่อม ไม่มี มูลหนี้ ที่ จะ เรียกร้อง ให้ จำเลย ชำระ เงิน ตามเช็คขอให้ ยกฟ้อง
วันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้น เห็นว่า คดี พอ วินิจฉัย ได้ แล้วไม่จำต้อง สืบพยาน จึง ให้ คู่ความ รอ ฟัง คำพิพากษา โดย ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้ จำเลย ชำระ เงิน ตามเช็ค จำนวน 630,000 บาท พร้อม ด้วยดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี นับแต่ วันที่ 2 มกราคม 2534 จนกว่าจะ ชำระ เสร็จ ให้ แก่ โจทก์ ดอกเบี้ย คิด ถึง วันฟ้อง ให้ ไม่เกิน 21,100 บาทตาม ที่ โจทก์ ขอให้ จำเลย ใช้ ค่าฤชาธรรมเนียม แทน โจทก์
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ว่าข้อเท็จจริง ฟังได้ ยุติ ตาม คำฟ้อง และ คำให้การ ว่า โจทก์ เป็น ผู้ทรงเช็คพิพาท โดยชอบ ด้วย กฎหมาย แล้ว หรือ ว่า มี คดี ยัง มี ประเด็น ข้อพิพาทที่ คู่ความ โต้เถียง ข้อเท็จจริง กัน อยู่ ซึ่ง ศาลชั้นต้น จะ ต้อง กำหนดประเด็น ข้อพิพาท ลง ไว้ และ ให้ คู่ความ นำพยาน หลักฐาน มา สืบ ตาม ประเด็นต่อไป เห็นว่า คำฟ้อง โจทก์ กล่าวอ้าง ว่า โจทก์ เป็น ผู้ทรงเช็ค พิพาทโดยชอบ ด้วย กฎหมาย โดย นางสาว อรศรี มอบ เช็คพิพาท แก่ โจทก์ ใน การ แลก เอา เงินสด จาก โจทก์ นั้น จำเลย ไม่ได้ ยอมรับ ข้ออ้าง ของ โจทก์ดังกล่าว แต่อย่างใด โดย จำเลย ให้การ ปฏิเสธ ว่า นางสาว อรศรี มิได้ เอา เช็คพิพาท แลก เงินสด จาก โจทก์ หาก แต่ เอา เช็ค ให้ โจทก์ รับ สมอ้างเป็น ผู้ทรง ฟ้อง จำเลย โจทก์ จึง ไม่ใช่ ผู้ทรงเช็ค พิพาท โดยสุจริตไม่มี มูลหนี้ ที่ จะ เรียกร้อง ขอให้ ยกฟ้อง ดังนั้น ข้อเท็จจริง ตามคำฟ้อง และ คำให้การ จึง ยัง ฟังได้ ไม่ ยุติ ว่า โจทก์ เป็น ผู้ทรงเช็ค พิพาทโดยชอบ ด้วย กฎหมาย ศาลชั้นต้น จะ ต้อง กำหนด เป็น ประเด็น ข้อพิพาท ไว้ ว่าโจทก์ เป็น ผู้ทรงเช็ค พิพาท โดยชอบ ด้วย กฎหมาย หรือไม่ และ ให้ คู่ความนำพยาน หลักฐาน มา สืบ ตาม ประเด็น ดังกล่าว ต่อไป ดัง ที่ ประมวล กฎหมายวิธีพิจารณา ความ แพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง บัญญัติ ไว้ ฉะนั้น การ ที่ศาลชั้นต้น งดชี้สองสถาน ไม่ กำหนด ประเด็น ข้อพิพาท ตาม ข้อต่อสู้ของ จำเลย สั่ง ให้ คู่ความ รอ ฟัง คำพิพากษา โดย ไม่ต้อง สืบพยาน แล้ว ฟังข้อเท็จจริง ว่า โจทก์ เป็น ผู้ทรงเช็ค พิพาท โดยชอบ ด้วย กฎหมาย พิพากษาให้ จำเลย ชำระ เงิน ตามเช็ค พร้อม ดอกเบี้ย แก่ โจทก์ และ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน มา นั้น จึง ไม่ชอบ ด้วย กระบวนพิจารณา ตาม บท กฎหมาย ดังกล่าวฎีกา ของ จำเลย ฟังขึ้น
พิพากษายก คำพิพากษา ศาลล่าง ทั้ง สอง และ คำสั่งศาล ชั้นต้นตาม รายงาน กระบวนพิจารณา ฉบับ ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2534 นั้น เสียให้ ศาลชั้นต้น ดำเนิน กระบวนพิจารณา ใหม่ ทำการ ชี้สองสถาน กำหนด ประเด็นข้อพิพาท ตาม ข้อต่อสู้ ใน คำให้การ จำเลย แล้ว ให้ คู่ความ นำพยาน หลักฐานมา สืบ ตาม ประเด็น ที่ กำหนด ไว้ ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียม ชั้นอุทธรณ์และ ฎีกา ให้ รวม สั่ง เมื่อ มี คำพิพากษา ใหม่