แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตาม ป.อ. มาตรา 58 วรรคแรก บัญญัตว่า “เมื่อความปรากฏแก่ศาลเองหรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่า ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา 56 ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น ให้ศาลที่พิพากษาคดีหลัง … บวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลัง …” จะเห็นได้ว่า บทบัญญัติมาตราดังกล่าวมิได้มีข้อบังคับว่าโทษในคดีก่อนที่ศาลรอการลงโทษไว้กับโทษในคดีหลังจะต้องเป็นโทษจากคำพิพากษาของศาลเดียวกัน แม้โทษในคดีก่อนที่ศาลรอการลงโทษไว้จะเป็นโทษตามคำพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง บทบัญญัติมาตราดังกล่าวก็มิได้มีข้อห้ามมิให้นำโทษที่ศาลรอการลงโทษไว้มาบวกกับโทษในคดีหลัง ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นนำโทษจำคุกของจำเลยในคดีก่อนที่ศาลรอการลงโทษไว้มาบวกกับโทษจำคุกในคดีหลังนี้จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91 และให้บวกโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีหมายเลขแดงที่ 5072/2545 ของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เข้ากับโทษในคดีนี้
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 57, 66 วรรคหนึ่ง (ที่ถูกมาตรา 91 ด้วย) ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 ปี 8 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 12 เดือน รวมสองกระทงจำคุก 1 ปี 16 เดือน บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้เข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้เป็นจำคุก 1 ปี 19 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
จำเลยกระทำความผิดคดีนี้ภายในระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นนำโทษจำคุกของจำเลยในคดีก่อนที่ศาลรอการลงโทษมาบวกกับโทษจำคุกในคดีนี้ชอบหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า การนำโทษจำคุกของจำเลยในคดีก่อนที่ศาลรอการลงโทษมาบวกกับโทษจำคุกในคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะศาลที่พิพากษาเป็นคนละศาลกัน ทั้งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางกับศาลอาญามีจุดมุ่งหมายในการลงโทษแตกต่างกัน เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก บัญญัติว่า “เมื่อความปรากฏแก่ศาลเองหรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่า ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา 56 ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น ให้ศาลที่พิพากษาคดีหลัง…บวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลัง…” จะเห็นได้ว่า บทบัญญัติมาตราดังกล่าวมิได้มีข้อบังคับว่าโทษในคดีก่อนที่ศาลรอการลงโทษไว้กับโทษในคดีหลังจะต้องเป็นโทษจากคำพิพากษาของศาลเดียวกัน แม้โทษในคดีก่อนที่ศาลรอการลงโทษไว้จะเป็นโทษตามคำพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง บทบัญญัติมาตราดังกล่าวก็มิได้มีข้อห้ามมิให้นำโทษที่ศาลรอการลงโทษไว้มาบวกกับโทษในคดีหลัง ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นนำโทษจำคุกของจำเลยในคดีก่อนที่ศาลรอการลงโทษไว้มาบวกกับโทษจำคุกในคดีหลังนี้จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน 20 วัน เมื่อรวมกับโทษจำคุกในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว เป็นจำคุก 1 ปี 14 เดือน 20 วัน และเมื่อบวกโทษจำคุก 3 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีหมายเลขแดงที่ 5072/2545 ของศาลเยาวชนและครอบครัวกลางแล้ว เป็นจำคุก 1 ปี 17 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์