คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องแย้งจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้วก็จะต้องฟ้องเป็นคดีต่างหาก
คำขอในท้ายคำให้การฟ้องแย้งบางข้อเป็นแต่ขอให้ยกฟ้องซึ่งเป็นเรื่องให้การแก้คดี ไม่ได้ฟ้องแย้งเอาอะไรจากโจทก์บางข้อก็เป็นเรื่องขอบังคับเอาแก่คนภายนอก (ที่จำเลยขอให้เรียกเข้ามาเป็นคู่ความ) โดยเฉพาะไม่ได้ขอบังคับแก่โจทก์อย่างใดจึงชอบที่จำเลยจะไปฟ้องเป็นคดีต่างหาก ศาลย่อมไม่รับเป็นฟ้องแย้ง คงรับแต่เป็นคำให้การแก้คดีเท่านั้น

ย่อยาว

เรื่อง ขับไล่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างเหตุว่า สัญญาเช่าสิ้นอายุนานแล้ว และโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยแล้ว
จำเลยให้การต่อสู้และฟ้องแย้งว่า การบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะโจทก์สมยอมกับนายสง่าเพื่อหาเรื่องขับไล่ เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตและขอให้เรียกนายสง่าเข้ามาเป็นคู่ความด้วย
ศาลแพ่งสั่งว่าคำให้การฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจึงไม่รับเป็นคำให้การฟ้องแย้ง คงรับแต่เป็นคำให้การแก้คดี และให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้เรียกนายสง่าเข้ามาในคดี
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๑๗๗ การฟ้องแย้งจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเติมแล้ว ก็จะต้องเป็นคดีต่างหาก คดีนี้เห็นได้ชัดว่าคำฟ้องแย้งเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก ซึ่งจะต้องว่ากล่าวเอากับนายสง่า หาเกี่ยวกับคำฟ้องของโจทก์ไม่ แม้จำเลยจะให้การว่าเพราะโจทก์สมยอมกับนายสง่าเพื่อหาเรื่องขับไล่จำเลยจึงถือเอาเป็นเหตุบอกเลิกสัญญาเช่าก็ดี ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าเมื่อสัญญานั้นสิ้นอายุแล้วเช่นในฟ้องคดีนี้ นอกนั้นจะเห็นได้จากคำขอในท้ายคำให้การฟ้องแย้งข้อ ๑-๒ เป็นแต่ขอให้ยกฟ้องซึ่งเป็นเรื่องให้การแก้คดี ไม่ได้ฟ้องแย้งเอาอะไรจากโจทก์ ส่วนข้อ ๓ ก็เป็นเรื่องขอบังคับเอาแก่นายสง่าโดยเฉพาะ ไม่ได้ขอบังคับแก่โจทก์อย่างใด ชอบที่จะฟ้องเป็นคดีต่างหาก พิพากษายืน

Share