คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1262/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องเรียกที่นาพิพาทของโจทก์ที่มอบให้ฝ่ายจำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้คืนโดยขอชำระเงินที่กู้ยืมจากฝ่ายจำเลยไป มิใช่การฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องการกู้เงินตามความหมายในมาตรา 653 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น แม้มิได้ทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง และโจทก์มีสิทธินำสืบพยานบุคคลในเรื่องการกู้ยืมเงินเพื่อประกอบข้ออ้างของโจทก์ว่าเหตุใดโจทก์จึงมอบที่นาพิพาทให้ฝ่ายจำเลยทำกินได้ เพราะกรณีมอบที่นาให้ทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองยืมเงินนายทองบุตรจำเลยไปคนละ 1,000 บาท และ 700 บาทตามลำดับ และมอบที่นาของตนคนละหนึ่งแปลง ซึ่งปัจจุบันมีราคา 5,200 บาท และ 6,000 บาทให้นายทองทำกินต่างดอกเบี้ย ต่อมา พ.ศ. 2514 นายทองถึงแก่กรรมโจทก์ทั้งสองตกลงให้จำเลยทำนาดังกล่าวต่างดอกเบี้ยต่อไป ครั้นเดือนมิถุนายน 2516 โจทก์ทั้งสองนำเงิน 1,700 บาทไปคืนให้จำเลยและขอรับที่นาคืน จำเลยไม่ยอมรับเงินและไม่ยอมคืนที่นาให้ จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรับเงิน 1,700 บาทและคืนที่นาดังกล่าว จำเลยทั้งสองสำนวนให้การว่า โจทก์ทั้งสองสำนวนขายที่นาให้แก่นายทองบุตรจำเลย จำเลยกับนายทองได้ทำนาตลอดเวลา เมื่อนายทองตายแล้ว โจทก์ไม่เคยพูดตกลงกับจำเลยเกี่ยวกับที่นา และนายทองตายมา 2 ปีแล้ว สิทธิเรียกร้องของโจทก์ทั้งสองจึงขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสองมอบที่นาพิพาทให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้พิพากษาให้โจทก์ทั้งสองชำระเงินคนละ1,000 บาท และ 700 บาทแก่จำเลย โดยให้จำเลยส่งมอบที่นาพิพาทคืนแก่โจทก์ทั้งสอง

จำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาทั้งสองสำนวน

ในปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและไม่มีสิทธิกล่าวอ้างได้ว่าได้ทำการกู้เงินจากนายทองบุตรจำเลยแล้วมอบที่นาพิพาทให้ทำกินต่างดอกเบี้ย เพราะตามฟ้องปรากฏว่า การกู้มิได้ทำหลักฐานลงลายมือชื่อผู้กู้ไว้เป็นสำคัญนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกที่นาพิพาทของโจทก์ที่มอบให้ฝ่ายจำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้คืน โดยขอชำระเงินที่กู้ยืมจากฝ่ายจำเลยไป มิใช่การฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องการกู้เงินตามความหมายในมาตรา 653 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง แม้มิได้ทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญโจทก์ก็มีสิทธินำสืบพยานบุคคลในเรื่องการกู้ยืมเงินเพื่อประกอบข้ออ้างของโจทก์ว่าเหตุใดโจทก์จึงได้มอบที่นาพิพาทให้ฝ่ายจำเลยทำกินได้เพราะกรณีที่โจทก์มอบที่นาให้ฝ่ายจำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยตามฟ้องไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีหลักฐานลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิดหรือพยานเอกสารมาแสดงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 โจทก์จึงนำสืบกล่าวอ้างเรื่องการกู้ยืมเงินได้ ไม่ต้องห้ามแต่ประการใดและเมื่อวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังว่า โจทก์ทั้งสองกู้ยืมเงินนายทองบุตรจำเลยแล้วมอบที่นาพิพาทให้นายทองทำกินต่างดอกเบี้ย มิใช่โจทก์ทั้งสองขายที่นาพิพาทให้แก่บุตร จำเลยแล้วพิพากษายืน

Share