แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตำแหน่งพนักงานห้ามล้อได้นำตั๋วค่าธรรมเนียมรถเร็วที่จำเลยขายแล้วซึ่งถูกขูดลบถอนแก้เครื่องหมายแสดงว่าใช้ไม่ได้แล้วเพื่อให้ใช้ได้อีกมาขายให้แก่ผู้โดยสารรถไฟ การกระทำของจำเลยเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตและเบียดบังเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยจำหน่ายตามหน้าที่เป็นของจำเลย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 147 และ 151 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 45/2505)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยตำแหน่งพนักงานห้ามล้อ ได้บังอาจใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตปลอมตั๋วธรรมเนียมรถเร็วหมายเลข 11485 ซึ่งขายและใช้แล้ว โดยจำเลยขูดลบตัวเลขวันที่ในตั๋วนั้นออกเสียแล้วเขียนตัวเลขวันที่ใหม่ลงแทนและได้ขายตั๋วธรรมเนียมที่จำเลยได้ขูดลบแก้ไขนั้นให้แก่นายบรรจงอุตรนคร ผู้โดยสารรถไฟไปราคา 10 บาท แล้วจำเลยได้บังอาจเบียดบังยักยอกเงิน 10 บาทนั้นเสียโดยเจตนาทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,151, 161, 258, 260 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 และขอให้ริบของกลางกับให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 10 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยได้นำตั๋วค่าธรรมเนียมที่ใช้แล้วมาแก้ตัวเลขวันที่แล้วขายแก่ผู้โดยสารจริงดังฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151, 161 ลงโทษตามมาตรา 147 และ 161 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 3 ปี ริบตั๋วของกลาง คำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 10 บาทนั้น ให้ยกเสีย เพราะจำเลยออกตั๋วใหม่ให้ผู้เสียหายโดยจำเลยออกเงินค่าตั๋วนั้นแทนไปแล้ว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมิได้กระทำผิดต่อมาตรา 161 แต่ได้กระทำผิดมาตรา 260 ให้ลงโทษตามมาตรา 147 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุกจำเลย 2 ปี
จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151 เพราะจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตทั้งตามบทบัญญัติดังกล่าวก็มิได้ระบุถึงองค์การรถไฟด้วย และจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 260 ด้วย เพราะความผิดตามมาตรานี้ไม่เป็นความผิดได้ในตัวเอง ต้องอาศัยมาตรา 258 หรือมาตรา 259 คือผู้กระทำผิดต้องทำปลอมตั๋วโดยสารขึ้นเองหรือรู้ว่าตั๋วนั้นปลอมแปลงแต่พยานโจทก์ไม่ได้ความว่าจำเลยปลอมตั๋วหรือรู้ว่าตั๋วปลอม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้นำตั๋วค่าธรรมเนียมรถเร็วที่จำเลยขายแล้วในวันที่ 1 กรกฎาคม 2502 ซึ่งถูกขูดลบถอนแก้เครื่องหมายแสดงว่าใช้ไม่ได้แล้วเพื่อให้ใช้ได้อีกมาขายให้แก่นายบรรจง จำเลยได้เบียดบังเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยจำหน่ายตามหน้าที่เป็นของจำเลย เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต เสียหายแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย จำเลยจะเถียงว่าการกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตไม่ได้ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ดังที่พระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 มาตรา 18 บัญญัติไว้จำเลยกระทำผิดต่อการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นของรัฐบาล และเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติที่กล่าวมานั้นโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามบทบัญญัติมาตรา 147, 151 แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้นแล้ว ข้อที่จำเลยว่าไม่มีความผิดตามมาตรา 260 นั้น เห็นว่า การกระทำของจำเลยต้องตามบทบัญญัติมาตรานี้ชัดแจ้ง และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำโดยทุจริตรู้ว่าตั๋วปลอมแปลงแก้ไข จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรานี้พิพากษายืน