แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เสมียนพนักงานการรถไฟ ฯ เป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.การรถไฟ พ.ศ.2494 ม.18 และ ตาม ก.ม.อาญา
ดังนั้นเมื่อเสมียนพนักงานขายตั๋วของการรถไฟ ฯ ยักยอกเงินที่ขายตั๋วได้และจดแจ้งเท็จลงในบัญชีจำนวนขายตั๋วจึงมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.131 และ 230 รวม 2 กะทง
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงแห่งคดีนี้ได้ความว่าตามฟ้องโจทก์และคำรับสารภาพของจำเลยเป็นประกอบคำพยานและหลักฐานของโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยเป็นเสมียนสถานีกรุงเทพฯเป็นพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทยและเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายแห่ง ก.ม.อาญา ตาม พ.ร.บงการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๔๙๔ ม.๑๘ จำเลยบังอาจทุจริตยักยอกเอาเงินที่ขายตั๋วได้รวม ๙ ครั้ง ๑๘๖,๕๒๗ บาท และบังอาจจดข้อความเท็จลงในบัญชีจำหน่ายตั๋ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๑๓๑ ซึ่งแก้ไขโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.อาญา พ.ศ.๒๔๘๔ ม.๓ กะทงหนึ่งและ ม.๒๓๐ อีกกะทงหนึ่ง ให้รวมกะทงลงโทษจำคุกมีกำหนด ๑๕ ปี ลดฐานปราณีตาม ม.๕๙ เสียกึ่งหนึ่งคงเหลือ ๗ ปี ๖ เดือน ฯลฯ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าจำเลยควรมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๑๓๑ แต่เพียงกะทงเดียวและขอความกรุณาในเรื่องกำหนดโทษ
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยกระทำผิดหลายกระทงทั้งในเรื่องยักยอกและจดแจ้งเท็จ และเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลที่จะแก้ไขกำหนดโทษลงอีกได้
พิพากษายืน