คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤตติการณ์ที่ถือว่าการวิวาทขาดตอนจากการทำร้ายตอนหลังซึ่งเป็นการป้องกันตัว
การทำร้ายผู้อื่นขณะที่กำลังจะทำร้ายตัวนั้นเป็นการป้องกันตาม ม.50 ไม่ใช่ ม.49(2)

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า วันเกิดเหตุมีงานที่วัด จำเลยกับผู้ตายเดินสวนทางกันที่ทางหลวง แล้วเกิดวิวาทกันขึ้น จำเลยถูกผู้ตายฟันศีร์ษะ ๑ แผล แล้วผู้ตายวิ่งหนีเข้าตรอก จำเลยวิ่งไล่ ครั้นทันกันผู้ตายเอามีดแทงจำเลยถูกริมฝีปากล่าง ๑ แห่งปากฉีกเป็นแผลยาวจดคาง ฟังล่างหัก ๑ ซี่แล้วจำเลยกับผู้ตายกอดปล้ำกัน ผู้ตายเอามือค้ำคอจำเลยไปติดรั้วแล้วเงื้อมีดจะแทงซ้ำจำเลยแย่างมีดได้จึงแทงชุ่ยไป ๑ ทีถูกคอผู้ตายในขณะชุลมุนกันซึ่งผู้ตายบีบคำจำเลยอยู่และได้ความว่าผู้ตายเป็นคนเกะกะ ส่วนจำเลยเป็นคนเรียบร้อย
ศาลจังหวัดนครสวรรค์ลงโทษจำเลยตาม ม.๒๕๑,๗๒,๕๙ จำคุก ๔ ปี ๑ เดือนแต่มีผู้พิพากษานายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่าจำเลยทำเพื่อป้องกันตัวพอสมควร แก่เหตุตาม ม.๔๙(๒)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาที่เห็นแย้งรับรอง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การวิวาททำร้ายกันขาดตอนแล้ว จำเลยวิ่งไล่ผู้ตายไปน่าจะตามไปเพื่อบอกกล่าวเพื่อจับกุม พอกันกันผู้ตายได้ใช้มีดแทงจำเลยและค้ำคอแล้วจะแทงซ้ำอีกจำเลยแย่งมีดได้จึงแทงชุ่ยไปในขณะนั้น นับว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จึงพิพากษายกฟ้อง

Share