แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยชำระหนี้ตามเช็คให้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาในความผิดต่อ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ซึ่งศาลได้ประทับฟ้องและออกหมายจับจำเลยไว้แล้ว ดังนี้เป็นความจำเป็น มิใช่เป็นการกระทำที่มุ่งหมายให้โจทก์ได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาจำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ระหว่างนี้จำเลยทำสัญญาค้ำประกันบริษัทประชากรอินเวสท์เมนท์จำกัดไว้ต่อโจทก์เป็นเงิน 130,000บาท และได้ผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ 30,000 บาทโดยออกเช็คธนาคารศรีนครจำกัด สาขาหัวหมาก เมื่อเช็คถึงกำหนด ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลประทับฟ้องและออกหมายจับจำเลย จำเลยนำเงินสดจำนวน 30,000 บาท ไปชำระหนี้ตามเช็ค ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการชำระหนี้ดังกล่าว ซึ่งฝ่าฝืนมาตรา115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483
โจทก์คัดค้านว่า เป็นการชำระหนี้นานกว่าสามเดือนก่อนขอให้ล้มละลาย เป็นการชำระหนี้เพื่อให้หลุดพ้นคดีอาญา ไม่ใช่มุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนใดได้เปรียบ
ศาลชั้นต้นยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘การที่จำเลยนำเงินจำนวน 30,000 บาท มาชำระหนี้ตามเช็คให้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ซึ่งศาลแขวงพระนครเหนือได้สั่งประทับฟ้องและออกหมายจับจำเลยไว้แล้ว หากจำเลยไม่ชำระเงินดังกล่าว จำเลยก็จะถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษในคดีอาญา ฟังได้ว่าการที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นความจำเป็น หาใช่เป็นการกระทำที่จำเลยมุ่งหมายให้โจทก์ได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นแต่อย่างใดไม่ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจมาขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.