คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4817/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำขอให้จำเลยทั้งสามจัดการไถ่ถอนจำนองเพื่อให้ที่ดินของโจทก์ทั้งสองปลอดจากการจำนอง ถ้าโจทก์มิได้ฟ้องผู้รับจำนองเข้ามาด้วยศาลไม่อาจพิพากษาให้ตามคำขอส่วนนี้ ซึ่งจะมีผลกระทบกระเทือนสิทธิของผู้รับจำนองได้.

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันโดยให้เรียกโจทก์สำนวนแรกว่าโจทก์ที่ 1 โจทก์สำนวนหลังว่าโจทก์ที่ 2
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ทั้งสองมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ให้จำเลยทั้งสามไถ่ถอนจำนองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) เลขที่ 1422, 1423 และ 1424 ตำบลวังสำโรงอำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร เฉพาะส่วนที่ออกทับที่ดินของโจทก์ทั้งสอง หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติก็ให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยทั้งสามขายทอดตลาดชำระหนี้จำนองให้แก่เจ้าหนี้ ขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวส่วนที่ออกทับที่ดินของโจทก์ทั้งสองโดยให้จำเลยทั้งสามไปจดทะเบียนเพิกถอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามให้การว่า ที่ดินทั้งหมดตามที่โจทก์ฟ้องเป็นของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 3 มีชื่อเป็นผู้มีสิทธิครอบครองร่วมด้วยคดีของโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิในที่ดินพิพาท ห้ามจำเลยทั้งสามและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้จำเลยทั้งสามไถ่ถอนจำนองที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ทั้งสองให้ปลอดจำนอง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสอง แต่จำเลยทั้งสามออก น.ส. 3 ก.ทับที่ดินพิพาทของโจทก์ทั้งสองแล้วนำไปจำนองประกันหนี้แก่บุคคลอื่น ที่โจทก์ทั้งสองมีคำขอให้จำเลยทั้งสามจัดการไถ่ถอนจำนองเพื่อให้ที่ดินของโจทก์ทั้งสองปลอกจากการจำนองนั้น เนื่องจากโจทก์มิได้ฟ้องผู้รับจำนองเข้ามาด้วยจึงไม่อาจพิพากษาให้ตามคำขอส่วนนี้ ซึ่งจะมีผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้รับจำนองได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษากลับว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทห้ามจำเลยทั้งสามและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก.

Share