คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับผู้เสียหายมีปากเสียงกัน ผู้เสียหายท้าทายจำเลย ๆไม่ยอมรับคำท้ามุ่งหน้าจะกลับบ้าน ผู้เสียหายตามไปกระชากแขนและต่อยจำเลยก่อน จำเลยจึงเข้ากอดปล้ำและตกลงไปในคลองด้วยกันจำเลยถูกผู้เสียหายกดให้จมน้ำและถูกกัด จำเลยจึงกัดผู้เสียหายหูขาดดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าการโต้เถียงเป็นปากเสียงกันได้ขาดตอนไปแล้วโดยจำเลยไม่ยอมรับคำท้า แต่ผู้เสียหายได้ตามไปต่อยจำเลยก่อน มิใช่เป็นการสมัครใจวิวาทกัน และเมื่อตกลงในคลอง จำเลยก็ถูกผู้เสียหายกดให้จมน้ำและถูกกัดอีก จำเลยจึงกัดไปบ้างเพื่อมิให้ถูกผู้เสียหายกดจมน้ำตาย ถือว่าเป็นการป้องกันโดยชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยไม่มีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายร่างกายนายสงัด แซ่โค้ว โดยใช้กำลังชกต่อยและใช้ไม้รวกผ่าซีกมีคมตี เป็นเหตุให้นายสงัดได้รับอันตรายสาหัสหูขวาขาด หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 297 กับขอให้ริบไม้รวกของกลางและขอให้นับโทษต่อกับคดีดำที่ 591/2509 ของศาลจังหวัดชลบุรี

นายสงัด แซ่โค้ว ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต

จำเลยให้การว่า ได้ทำร้ายผู้เสียหายถึงหูขาดจริง แต่ใช้ปากกัดไม่ได้ใช้ไม้รวกผ่าซีกมีคมดังฟ้อง และรับว่าเป็นคนเดียวกับจำเลยคดีดำที่ 591/2509

ต่อมาก่อนสืบพยานโจทก์ จำเลยขอให้การใหม่ว่า นายสงัดกับจำเลยเกิดโต้เถียงกันเรื่องนายสงัดไล่ควายลัดคลองข้ามมาเข้านาจำเลยนายสงัดกระโดดเข้าชกจำเลย จำเลยต่อสู้ป้องกันตัว นายสงัดพยายามกดจำเลยให้จมอยู่ใต้น้ำ จำเลยจึงกัดหูนายสงัดเพราะเกรงจะถูกกดจมน้ำตาย จำเลยไม่มีเจตนาทำร้ายนายสงัด

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องวิวาท จำเลยจะอ้างเรื่องป้องกันตัวเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 297 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 297ซึ่งเป็นกระทงหนักตามมาตรา 91 โดยจำคุก 1 ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน ไม้รวกของกลางไม่ริบเพราะศาลฟังว่าไม่ได้ใช้กระทำผิดส่วนที่ขอให้นับโทษต่อนั้นไม่นับเพราะคดีนั้นศาลพิพากษาปรับและจำเลยชำระค่าปรับครบถ้วนแล้ว

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยไม่มีความผิด จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

พนักงานอัยการโจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า กระบือของโจทก์ร่วมลัดคันนาของจำเลยลงไปในคลอง จำเลยต่อว่าโจทก์ร่วมแล้วเกิดโต้เถียงกัน เมื่อมีปากเสียกันแล้วโจทก์ร่วมท้าทายจำเลย แต่จำเลยไม่ยอมรับคำท้าเพราะเล็กกว่าและเดินไล่กระบือจะกลับบ้านโจทก์ร่วมตามไปกระชากแขนและต่อยจำเลยก่อน จำเลยจึงเข้ากอดปล้ำแล้วตกลงไปในคลองด้วยกัน จำเลยถูกกดให้จมน้ำและถูกกัด จำเลยก็กัดไปบ้าง ดังนี้ศาลฎีกาเห็นว่าการโต้เถียงเป็นปากเสียงกันได้ขาดตอนไปแล้ว โดยจำเลยไม่ยอมรับคำท้าและไล่กระบือจะกลับบ้าน แล้วโจทก์ร่วมตามไปต่อยจำเลยก่อน มิใช่เป็นการสมัครใจวิวาทกัน และเมื่อตกลงในคลอง จำเลยก็ถูกโจทก์ร่วมกดให้จมน้ำและถูกกัดอีก จำเลยจึงกัดไปบ้างเพื่อมิให้ถูกโจทก์ร่วมกดจมน้ำตาย ซึ่งเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยจึงจำต้องกระทำการกัดโจทก์ร่วมเพื่อป้องกันสิทธิแห่งชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายดังกล่าว ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่โจทก์ร่วมได้กระทำแก่ตน และการกระทำของจำเลยก็ไม่เกินสมควรแก่เหตุ จึงเรียกได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามนัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยจึงไม่มีความผิด

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share