แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามคำร้องของจำเลย มีความประสงค์ขอให้ยกเลิกกระบวนวิธีการบังคับคดีคือการขายทอดตลาดที่ได้ขายไปแล้ว โดยอ้างว่าโจทก์กับพวกร่วมกันเข้าสู้ราคาโดยไม่สุจริตและสมรู้กันลดราคา ซึ่งเท่ากับประสงค์ให้ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด จึงเป็นกรณีที่ต้องด้วย มาตรา 296 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแต่ตามคำร้องของจำเลยมิได้กล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแต่ประการใด เพียงแต่กล่าวอ้างว่าโจทก์กับ ก. ซึ่งเดิมเป็นลูกจ้างโจทก์และ ส. บุตรชายของทนายความโจทก์ร่วมกันเข้าสู้ราคาโดยไม่สุจริต สมคบกันกดราคาซื้อ เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นพวกเดียวกันมีความผูกพันเกี่ยวเนื่องต่อกัน ซึ่งมิได้เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดี จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ 3,183,345.21 บาท หากจำเลยที่ 2 ไม่ปฏิบัติตามให้เอาทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 2 ตามฟ้องออกขายทอดตลาด หากได้เงินสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกับค่าอุปกรณ์ต่าง ๆอยู่อีกเท่าใด ให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินที่ขาดอยู่จนครบ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระดอกเบี้ยและใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ขายที่ดินตามรายการที่ 1 และที่ 2 โฉนดเลขที่ 2685และโฉนดเลขที่ 631, 3048 พร้อมสิ่งปลูกสร้างตามลำดับแก่โจทก์ผู้สู้ราคาสูงสุด
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดว่าการสู้ราคาไม่สุจริต มีพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าการประมูลซื้อทรัพย์ที่ขายทอดตลาดเป็นการสมรู้กันกดราคาซื้อ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาในเบื้องแรกว่า จำเลยทั้งสองมีสิทธิร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด ที่ขายไปแล้วหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวเห็นว่า ตามคำร้องของจำเลยทั้งสองมีความประสงค์ขอให้ยกเลิกกระบวนวิธีการบังคับคดีคือการขายทอดตลาดที่ได้ขายไปแล้ว โดยอ้างว่าโจทก์กับพวกร่วมกันเข้าสู้ราคาโดยไม่สุจริตสมรู้กันกดราคา ซึ่งเท่ากับประสงค์จะให้ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่ต้องด้วยมาตรา 296 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คือเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และเกิดความเสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีบุคคลดังกล่าวจึงมีสิทธิยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลก่อนการบังคับคดีเสร็จลง ขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนได้ แต่ตามคำร้องของจำเลยทั้งสองมิได้กล่าวอ้างเลยว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแต่ประการใด เพียงแต่กล่าวอ้างว่าโจทก์กับนายโกวิท แซ่เบ๊ซึ่งเดิมเป็นลูกจ้างโจทก์และนายสถาพร กาญจนบุศย์ บุตรชายของทนายความโจทก์ร่วมกันเข้าสู้ราคาโดยไม่สุจริต สมคบกันกดราคาซื้อเพราะบุคคลเหล่านี้เป็นพวกเดียวกันมีความผูกพันเกี่ยวเนื่องต่อกันซึ่งมิได้เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดี จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด
พิพากษายืน