คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานพิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางให้พิจารณาพิพากษาใหม่ ในชั้นพิจารณาใหม่นี้ ศาลแรงงานกลางจะยกประเด็นที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลฎีกาขึ้นวินิจฉัยอีกไม่ได้ ศาลแรงงานกลางยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นการไม่ชอบ
อุทธรณ์ว่าศาลวินิจฉัยคดีขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวนเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย

ย่อยาว

ศาลแรงงานกลางเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย วินิจฉัยว่าโจทก์มิได้ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมจำเลยจึงไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 พิพากษาให้จำเลยที่ 1 จ่ายเงินชดใช้จำนวนหนึ่ง กับเงินสินจ้างที่มิได้บอกกล่าวเลิกสัญญาล่วงหน้าอีกจำนวนหนึ่งให้โจทก์ คำขออื่นให้ยก และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ด้วย โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ประเด็นข้อ 1 และข้อ 3 ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยชอบแล้ว แต่สำหรับประเด็นข้อ 2 เห็นว่า ตามฟ้องถือได้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ซึ่งจำเลยปฏิเสธ จึงจะต้องฟังพยานหลักฐานตามที่โจทก์จำเลยจะนำสืบต่อไปเสียก่อน พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางเฉพาะประเด็นข้อ 2 ให้ศาลแรงงานกลางสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ในประเด็นข้อนี้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

ศาลแรงงานกลางดำเนินการพิจารณาใหม่ในประเด็นข้อ 2 แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มิได้ฟ้องและมิได้นำสืบว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย พิพากษายกฟ้องในประเด็นข้อนี้ โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม เป็นการวินิจฉัยคดีซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายนั้น เห็นว่าศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ในการพิพากษาคดีใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีเดียวกันนี้ ซึ่งตามคำพิพากษาดังกล่าว ศาลฎีกาได้วินิจฉัยแล้วว่าโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ปัญหาข้อนี้จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่กล่าวนั้นศาลแรงงานกลางจะยกขึ้นวินิจฉัยในคดีเดียวกันนี้อีกไม่ได้ การที่ศาลแรงงานกลางยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ

ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมเป็นการไม่ชอบ เพราะความจริงโจทก์ได้นำสืบแล้วนั้น เห็นว่าอุทธรณ์ข้อนี้ เป็นการอุทธรณ์ว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวน จึงเป็นอุทธรณ์ข้อกฎหมายไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานในสำนวนแล้ว ปรากฏว่าโจทก์อ้างตัวเองเบิกความเป็นพยานว่า การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะจำเลยที่ 2 เข้าใจผิดว่าโจทก์ท้าทายให้จำเลยที่ 2 ไล่โจทก์ออกจากงานในกรณีขัดแย้งกันในการซื้อขายน้ำมันเครื่อง หาใช่เพราะโจทก์บกพร่องต่อหน้าที่ไม่ และโจทก์นำนายทองสุข ศรีธรรม เข้าเบิกความเป็นพยานว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง เห็นว่าโจทก์ได้นำสืบแล้วว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม หาใช่ไม่นำสืบดังที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยไม่แต่จะรับฟังได้เพียงไรนั้นเป็นเรื่องที่จะต้องวินิจฉัยต่อไป การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้นำสืบในปัญหาข้อนี้ จึงไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลแรงงานกลางไม่ชอบ อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น

พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางพิพากษาใหม่ตามรูปคดี”

Share