แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำให้การจำเลยที่ถือว่าจำเลยไม่ได้ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้อง
การพิจารณาคำให้การจำเลยว่า จำเลยรับผิดตามฟ้องหรือไม่นั้น จะพิจารณาเฉพาะคำให้การจำเลยบางตอนมาวินิจฉัยไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนแก๊บเครื่องหมาย “อ.ร.1/198” บังอาจทำลายตราเครื่องหมาย “อ.ร.1/198” ซึ่งเจ้าพนักงานประทับไว้เป็นสำคัญที่ท้ายอาวุธปืน ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 121
จำเลยให้การว่า ทำลายเครื่องหมายปืนจริงตามฟ้อง แต่ขอแถลงว่าได้ทำด้ามปืนใหม่ ด้ามเก่าหาย เครื่องหมายปืนที่ด้ามเก่าก็สูญไปด้วย
คู่ความไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดตามมาตรา 121 เป็นเรื่องทำลายตราที่เจ้าพนักงานประทับ แต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์ฟ้องเป็นเรื่องจำเลยทำลายเครื่องหมายของนายทะเบียนซึ่งทำไว้ที่ปืน หาใช่ทำลายตราของเจ้าพนักงานไม่ จำเลยไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามคำให้การจำเลยดังกล่าวข้างต้น จำเลยไม่ได้รับสารภาพว่าได้กระทำผิดดังฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษายืนยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 194 ได้บัญญัติว่า “ศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน” หลักฐานในสำนวนปรากฏชัดตามคำให้การจำเลยว่า ตามที่จำเลยให้การว่าทำลายเครื่องหมายปืน มีความหมายถึงจำเลยได้ทำด้ามปืนใหม่เพราะด้ามเก่าหาย เครื่องหมายปืนที่ด้ามเก่าก็หายไปด้วย จะพิจารณาเฉพาะคำให้การจำเลยบางตอนมาวินิจฉัยไม่ชอบศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบยกฎีกาพิพากษายืน