คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเป็นลูกจ้างในโรงแรมแห่งหนึ่ง และทำหน้าที่เป็นพนักงานขายสุรานั้น สุราที่จำเลยไปเบิกมาขายยังอยู่ในความครอบครองของโรงแรม ฉะนั้น เมื่อจำเลยร่วมกันเอาสุรานั้นไปเป็นของตน โดยมีเจตนาทุจริต เช่นนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันลักสุรา 1 ขวดของบริษัทสหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด ไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(11), 83 ให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน ของกลางคืนผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่ให้รอการลงโทษจำเลยทั้งสองไว้มีกำหนด 3 ปี แต่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งทำความเห็นแย้งเห็นควรยกฟ้องโจทก์

จำเลยทั้งสองฎีกาโดยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ทำความเห็นแย้งรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาเห็นว่า สุราของกลางในคดีนี้เป็นสุราของโรงแรม จำเลยเอาไปโดยจงใจเอาเป็นของจำเลย ย่อมเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมเป็นการกระทำโดยทุจริต เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยคบคิดกันเอาสุราของโรงแรมไปเป็นของตนโดยมีเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ส่วนที่จำเลยอ้างว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ไปเบิกสุราของกลางมาขายสุรานั้นจึงตกอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 2 ถ้าจะเป็นผิดก็เป็นเรื่องยักยอกทรัพย์นั้น เห็นว่าการที่จำเลยที่ 2 ได้รับสุราของกลางไปขายโดยให้จำเลยเป็นผู้รับผิดชอบนั้น เป็นเพียงระเบียบการภายในเท่านั้น ความจริงสุรายังอยู่ในความครอบครองของโรงแรมการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นผิดฐานลักทรัพย์

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลยทั้งสอง

Share