คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 ซึ่งให้สิทธิผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎมายที่จะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนได้นั้น ต้องเป็นกรณีที่ผู้ทำละเมิดทำให้เขาถึงตาย หากมีการทำละเมิดแต่ไม่ถึงตาย ผู้ทำละเมิดก็ไม่ต้องรับผิดต่อผู้ที่อ้างว่าขาดไร้อุปการะ
โจท์กบรรยายฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 443 โดยคำฟ้องไม่มีข้อความให้รับผิดตามมาตราอื่นและแถลงร่วมกับจำเลย ให้ถือเอาผลของคำพิพากษาฎีกาซึ่งจำเลยถูกฟ้องในคดีอาญาที่เกี่ยวเนื่องกันเป็นหลักเกณฑ์ให้ศาลกำหนดค่าเสียหายโดยต่างไม่สืบพยาน ปรากฎในคำพิพากษาฎีกาดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้ตายถึงบาดเจ็บตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามฟ้อง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ถนัดว่าจำเลยเป็นผู้ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย คดีลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาไม่ได้ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ได้ความดังนี้ จำเลยย่อมไม่มีความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 และไม่มีทางที่จะถือเอาคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวมาพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกทำร้ายนายบุญเรืองถึงแก่ความตาย เห็นเหตุให้โจทก์ต้องศูนย์เสียผู้อุปการะเลี้ยงดู ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายทดแทนเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การปฏิเสธ
ชั้นพิจารณา คู่ความแถลงร่วมกันขอให้ถือเอาผลแห่งคำพิพากษาฎีกาในคดีอาญาแดงที่ ๖๗๖/๒๔๙๙ เป็นหลักเกณฑ์กำหนดค่าเสียหายในคดีนี้ และขอให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัยค่าเสียหายและต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนและค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๓ ไม่มีข้อความให้รับผิดตามมาตราอื่น ความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๔๓ ซึ่งให้สิทธิผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมายที่จะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนได้นั้น ต้องเป็นกรณีที่ผู้ทำละเมิดทำให้เขาถึงตาย หากมีการละเมิดแต่ไม่ถึงตาย ผู้ทำละเมิดก็ไม่ต้องรับผิดต่อผู้ที่อ้างว่าขาดไร้อุปการะ คดีนี้ คู่ความแถลงร่วมกันให้ถือเอาผลของคำพิพากษาฎีกาในคดีอาญาแดงที่ ๖๗๖/๒๔๙๙ เป็นหลักเกณฑ์กำหนดค่าเสียหายในคดีนี้ และให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัยค่าเสียหาย คำพิพากษาฎีกาที่คู่ความอ้างอิงนั้น ก็คือคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๑๕/๒๕๐๑ ปรากฎในคำพิพากษานั้นว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่านายแก้วดี จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายบุญเรืองถึงบาดเจ็บตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๕๔ ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๕๙ คงจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ถนัดว่าจำเลยเป็นผู้ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย คดีลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาไม่ได้ พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาเห็นว่า
เมื่อคำพิพากษาของศาลฎีกาชี้ขาดว่าจำเลยนี้มิได้ทำให้นายบุญเรืองถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยก็ไม่มีศาลฎีกาชี้ขาดว่าจำเลยนี้มิได้ทำให้นายบุญเรืองถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยก็ไม่มีความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๓ คดีไม่มีทางที่จะถือเอาคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวมาพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์อย่างใดได้ พิพากษายืน

Share