แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 ซึ่งต่างกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ข้อ 4 ที่ว่าฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 จึงเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย เพราะจะต้องให้ได้ความว่า เป็นการฆ่าคนโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายจึงจะมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา250 ที่โจทก์อ้าง (หมายเหตุ ตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 มีโทษสถานเดียวเท่ากัน คือประหารชีวิต)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันใช้ปืนซึ่งมีอยู่โดยไม่รับอนุญาตยิงนายดำรงค์ตาย โดยเจตนา โดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมางของจำเลยที่ 1 ซึ่งโกรธเคืองนายดำรงค์มาก่อนเพราะนายดำรงค์ขัดขวางไม่ยอมให้ น.ส.สมจิตรน้องภรรยายอมเลิกคดีและรับเงินค่าทำขวัญในกรณีที่จำเลยที่ 1 ฉุดคร่าพา น.ส.สมจิตรไปเพื่อการอนาจารและพยายามข่มขืนกระทำชำเรา ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 250, 63 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7-72
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุก 20 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 เสียด้วย
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง
ศาลฎีกาเชื่อว่า จำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายจริง แต่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 ซึ่งต่างกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ข้อ 4 ที่ว่า ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 จึงเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย กล่าวคือจะต้องได้ความว่า เป็นการฆ่าคนโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายจึงจะมีความผิดตามกฎหมายที่โจทก์อ้าง แต่เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอจะฟังว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายตามกฎหมายที่โจทก์อ้าง จึงลงโทษตาม มาตรา 250 ไม่ได้ พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ยืนตามศาลชั้นต้น