แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่า จำเลยให้การว่าที่ทำสัญญาเช่าเพราะสำคัญผิดและต้องกลฉ้อฉล โดยโจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน แต่ความจริงเป็นที่รกร้างว่างเปล่าหรือที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เช่นนี้ถือว่าคำให้การของจำเลยไม่ชัดเจนพอที่จะทำให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องกลฉ้อฉล
ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์กัน 5 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียนการเช่าไว้ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่เมื่อพ้นกำหนด 5 ปีได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวเสียก่อนตามมาตรา 566
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินของโจทก์ จำเลยเช่ามีกำหนดเวลา พ้นกำหนดแล้ว จำเลยไม่ออกไป จึงขอให้ขับไล่
จำเลยให้การว่า (1) จำเลยทำสัญญาเช่าด้วยความสำคัญผิดและด้วยกลฉ้อฉล กล่าวคือโจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแต่ความจริงที่ดินเป็นที่รกร้างว่างเปล่าหรือที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน (2) ไม่มีการบอกกล่าวเลิกสัญญา (3) โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อสำคัญผิดและกลฉ้อฉลนั้นตามคำให้การไม่ชัดเจนพอที่จะทำให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องฉ้อฉล และเรื่องบอกเลิกการเช่าซึ่งสัญญาทำกันไว้ 5 ปี แม้สัญญาจะมีผลเพียง 3 ปี แต่โจทก์ก็ฟ้องเมื่อครบ 5 ปีตามสัญญาแล้ว ไม่จำต้องบอกกล่าวก่อน จะถือว่าหลังจาก3 ปีแล้วเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลาต้องบอกกล่าวเลิกสัญญาก่อนนั้นไม่ถูกส่วนข้อใช้สิทธิไม่สุจริตนั้นไม่ได้ว่ากล่าวกันมาเลยเป็นเรื่องนอกประเด็น พิพากษายืน