คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ได้มาอยู่กินกับโจทก์ฉันสามีภริยา ต่อมาโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกอยู่ด้วยกันโดยจำเลยจะให้เงินโจทก์ 40,000 บาท และได้ขอให้พนักงานสอบสวนจดบันทึกข้อตกลงนั้นไว้ในรายงานประจำวันแล้วโจทก์จำเลยลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน บันทึกข้อตกลงดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย มีผลสมบูรณ์ให้จำเลยต้องปฏิบัติตามไม่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ
ตามบันทึกข้อตกลงของโจทก์จำเลยมีความว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส อยู่กินด้วยกันมาประมาณ 7 ปี ต่อมาไม่เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย จึงประสงค์ขอเลิกจากการเป็นสามีภริยา โดยจำเลยได้ขอเงินโจทก์ 40,000 บาท เป็นค่าที่ได้อยู่กินกันมา บันทึกดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทที่มีอยู่หรือจะมีขึ้นเนื่องจากความไม่เข้าใจกัน โจทก์จำเลยจึงตกลงเลิกจากการอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา โดยจำเลยตกลงให้เงินเป็นการตอบแทนที่โจทก์อยู่กินด้วยกันมากับจำเลย ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 มิใช่สัญญาให้โดยเสน่หา จำเลยจึงไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภริยาก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 (3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์อยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสต่อมาโจทก์จำเลยตำลงทำสัญญาเลิกการอยู่กินฉันสามีภริยากัน และจำเลยตกลงจะชำระเงิน ๔๐,๐๐๐ บาทให้แก่โจทก์ภายใน ๑๕ วัน ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระ
จำเลยให้การว่า สัญญาท้ายฟ้องเกิดขึ้นเนื่องจากวัตถุประสงค์ที่ขัดต่อศีลธรรมอันดี เป็นโมฆะ และไม่ผูกพันจำเลย เพราะจำเลยไม่ได้รับความยินย่อมจากภริยาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๓(๓)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ได้มาอยู่กินฉันสามีภริยากับโจทก์อีก ต่อมาโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกจากการอยู่กินด้วยกัน โดยจำเลยจะให้เงินโจทก์ ๔๐,๐๐๐ บาท ภายใน ๑๕ วัน และได้ขอให้พนักงานสอบสวนจดบันทึกข้อตกลงนั้นลงในรายงานประจำวันของสถานีตำรวจด้วย โจทก์จำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานบันทึกข้อตกลงดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย มีผลสมบูรณ์ผูกพันจำเลยให้ปฏิบัติตาม ไม่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างใด ไม่เป็นโมฆะ
ตามบันทึกข้อตกลงของโจทก์จำเลยมีความว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส อยู่กินด้วยกันมาประมาณ ๗ ปี ต่อมาไม่เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย จึงประสงค์ขอเลิกจากการเป็นสามีภริยา โดยจำเลยขอเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท เป็นค่าที่ได้อยู่กินกันมา บันทึกดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ด้วยกันฉันสามีภริยา โดยจำเลยตกลงให้เงินเป็นการตอบแทนที่โจทก์ได้อยู่กินด้วยกันมากับจำเลย ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๕๐ มิใช่สัญญาให้โดยเสน่หา จำเลยจึงไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภริยาก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๓(๓)
พิพากษายืน

Share