แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 201 โจทก์จะขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้ ทั้งห้ามโจทก์อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีด้วย โจทก์คงมีเพียงสิทธิที่จะฟ้องคดีใหม่ภายในอายุความเท่านั้น
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งเงินที่ได้จากการขายบ้าน ซึ่งโจทก์มีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วยให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่งเป็นเงิน 200,000 บาท จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง ระหว่างการพิจารณาในวันนัดสืบพยานโจทก์เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2544 คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดี วันที่ 19 ตุลาคม 2544 โจทก์ยื่นคำร้องฉบับแรกว่า ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีโดยผิดหลง เพราะความจริงกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 19 ตุลาคม 2544 ไม่ใช่วันที่ 17 ตุลาคม 2544 ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำสั่งศาลชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ ต่อมาวันที่ 19 พฤศจิกายน 2544 โจทก์ยื่นคำร้องฉบับหลังว่า โจทก์ไม่ได้ทราบวันนัดในวันที่ 17 ตุลาคม 2544 ที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีจึงไม่ถูกต้อง ขอให้ไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วอนุญาตให้โจทก์พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งศาลเดิมที่สั่งยกคำร้องฉบับลงวันที่ 19 ตุลาคม 2544 ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์ คืนค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้โจทก์ทั้งหมด จำเลยไม่แก้อุทธรณ์จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องฉบับหลังของโจทก์ภายในกำหนด 1 เดือน หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องฉบับหลังของโจทก์เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2544 โจทก์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2544 ยังอยู่ภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่รับวินิจฉัยให้จึงไม่ชอบ ขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ต่อไปนั้น เห็นว่า ตามคำร้องของโจทก์ฉบับแรกอ้างว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีโดยผิดหลง เพราะศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 19 ตุลาคม 2544 ไม่ใช่ในวันที่ 17 ตุลาคม 2544 ขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดี อันเป็นเรื่องอ้างว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ซึ่งเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2544 โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวภายในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2544 แต่โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ กลับยื่นคำร้องฉบับหลังอ้างว่าโจทก์ไม่ได้ทราบนัดในวันที่ 17 ตุลาคม 2544 ที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีจึงไม่ถูกต้อง ขอให้ไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วอนุญาตให้โจทก์พิจารณาคดีใหม่ อันเป็นเรื่องอ้างว่าโจทก์ไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ ไม่ได้อ้างว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบดังเช่นคำร้องฉบับแรก ดังนั้น คำร้องของโจทก์ฉบับหลังจึงมีข้ออ้างและคำขอแตกต่างกับคำร้องของโจทก์ฉบับแรก เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องฉบับหลังของโจทก์เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2544 อ้างว่าไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งที่ให้ยกคำร้องตามคำร้องฉบับแรกของโจทก์ และโจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องฉบับหลังของโจทก์ในวันที่ 4 ธันวาคม 2544 จึงเป็นการอุทธรณ์ภายในกำหนด 1 เดือน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ต้องรับไว้พิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยกอุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่ถูกต้อง ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
อย่างไรก็ดี เมื่อโจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องฉบับหลังของโจทก์ ซึ่งตามคำร้องฉบับหลังของโจทก์นั้น โจทก์อ้างว่าไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ มิใช่อ้างว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบดังได้กล่าวมาแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นเรื่องขอให้พิจารณาคดีใหม่ เพราะโจทก์ไม่ได้จงใจขาดนัดด้วยโจทก์ยังไม่ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 17 ตุลาคม 2544 ในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียว เพื่อให้กระบวนพิจารณาเสร็จไปโดยรวดเร็ว โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ทำการพิจารณาและพิพากษาใหม่ เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 201 โจทก์จะขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ เพราะศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งให้พิจารณาคดีนี้ไปฝ่ายเดียวอันเนื่องมาจากคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งขาดนัดพิจารณาและอีกฝ่ายหนึ่งมิได้ขาดนัดพิจารณา ทั้งห้ามโจทก์อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีด้วย หากโจทก์เห็นว่าการที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีไปนั้นเพราะหลงผิดเนื่องจากโจทก์ยังไม่ทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ ก็ชอบที่จะขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียได้ ถ้าศาลยกคำร้องที่ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าว โจทก์ก็สามารถอุทธรณ์คำสั่งศาลนั้นต่อไปได้ ซึ่งโจทก์ก็มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลที่ให้ยกคำร้องฉบับแรกของโจทก์ที่ขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าวมาแล้ว โจทก์คงมีสิทธิที่จะฟ้องคดีนี้ใหม่ภายในอายุความเท่านั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องฉบับหลังของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ต่อไปฟังไม่ขึ้น
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2544 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ.