คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3382/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาขายลด ตั๋วสัญญาใช้เงินเมื่อจำเลยรับว่าได้ขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องจึงต้องรับผิดตามสัญญาส่วนที่จำเลยออกเช็คให้ก็เป็นการ ชำระหนี้ตามสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินเมื่อเช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้ก็ต้องรับผิดตามสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินอันเป็นมูลหนี้เดิมหาใช่บังคับได้เฉพาะมูลหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินหรือเช็คไม่และไม่มีกฎหมายบัญญัติ อายุความไว้โดยเฉพาะจึงมี อายุความ 10ปีนับแต่วันที่ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่จำเลยมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ตาม ตั๋วสัญญาใช้เงิน

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย ชำระ เงิน 71,934.46 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 18 ต่อ ปี จาก ต้นเงิน 65,038.63 บาท นับ ถัด จากวันฟ้อง ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์ หาก จำเลย ไม่ชำระ ให้ ยึดทรัพย์ จำนอง ออก ขายทอดตลาด ถ้า ได้ เงิน ไม่ เพียงพอ ให้ ยึดทรัพย์สิน อื่นของ จำเลย ออก ขาย ชำระหนี้ จน ครบ
จำเลย ให้การ ขอให้ ยกฟ้อง
ใน วันนัด สืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์ และ ผู้รับมอบอำนาจ จำเลย ขอให้ศาล วินิจฉัย เพียง ประเด็น เดียว ว่า ฟ้องโจทก์ ขาดอายุความ หรือไม่โดย จำเลย รับ ว่า ออก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตาม ฟ้อง นำ ไป ขาย ลด แก่ โจทก์ศาลชั้นต้น เห็นว่า ตาม คำฟ้อง คำให้การ และ คำรับ ของ จำเลย คดี วินิจฉัยได้ โดย ไม่จำต้อง สืบพยาน จึง ให้ งดสืบพยาน โจทก์ จำเลย
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ชำระ เงิน 71,934.46 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี จาก ต้นเงิน 65,038.63 บาท นับแต่วัน ถัด จาก วันฟ้อง ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์ หาก จำเลย ไม่ชำระ เงินดังกล่าว ให้ ยึดทรัพย์ จำนอง ออก ขายทอดตลาด นำ เงิน ชำระหนี้ แก่ โจทก์ถ้า ได้ เงิน ไม่พอ ชำระหนี้ ให้ ยึดทรัพย์สิน อื่น ของ จำเลย ออก ขายชำระหนี้ จน ครบ
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “มี ประเด็น ต้อง วินิจฉัย ว่า ฟ้อง ของ โจทก์ขาดอายุความ หรือไม่ โจทก์ บรรยาย มา ใน ฟ้อง ว่า จำเลย ทำ สัญญา ขาย ลดตั๋วเงิน ไว้ กับ โจทก์ ต่อมา ได้ นำ ตั๋วสัญญาใช้เงิน 1 ฉบับ จำนวน100,000 บาท มา ขาย ลด และ รับ เงิน ไป จาก โจทก์ เพื่อ เป็น การ ชำระหนี้ตาม ตั๋วสัญญาใช้เงิน จำเลย ได้ สั่งจ่าย เช็ค จำนวนเงิน 100,000 บาทให้ โจทก์ ยึดถือ ไว้ ต่อมา เมื่อ เช็ค ถึง กำหนด โจทก์ นำเข้า บัญชี เพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ ธนาคาร ปฏิเสธ การ จ่ายเงิน โจทก์ ติดตาม ทวงถามจำเลย นำ เงิน 90,000 บาท มา ชำระ แก่ โจทก์ แต่ ยัง ไม่ครบ ตาม จำนวนที่ เป็น หนี้ ซึ่ง ใน วันนัด สืบพยานโจทก์ จำเลย แถลงรับ ว่า จำเลย ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ตาม ฟ้อง ไป ขาย ลด แก่ โจทก์ และ ออก เช็ค ให้ โจทก์ ไว้ ด้วยพิเคราะห์ แล้ว เห็นว่า ฟ้อง ของ โจทก์ เป็น คำฟ้อง ที่ เรียก ให้ จำเลยชำระหนี้ ตาม มูลหนี้ สัญญา ขาย ลด ตั๋วเงิน ซึ่ง กฎหมาย ไม่ได้ บังคับ ว่าใน การ ขาย ลด ตั๋วเงิน ต้อง ทำ เป็น หนังสือ หรือ มี หลักฐาน เป็น หนังสือแม้ โจทก์ จะ ไม่มี หลักฐาน การ ที่ จำเลย ขาย ลด ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตาม ฟ้องแก่ โจทก์ มา แสดง แต่เมื่อ จำเลย รับ ว่า ได้ ขาย ลด ตั๋วสัญญาใช้เงินตาม ฟ้อง แก่ โจทก์ จำเลย จึง มี ความผูกพัน ที่ จะ ต้อง รับผิด ตาม สัญญา ขาย ลดตั๋วเงิน ที่ ทำ ไว้ กับ โจทก์ ส่วน ที่ จำเลย ออก เช็ค ให้ โจทก์ ก็ เป็น การชำระหนี้ ตาม สัญญา ขาย ลด ตั๋วเงิน เมื่อ เช็ค ที่ จำเลย ออก ให้ โจทก์เรียกเก็บเงิน ไม่ได้ จำเลย ต้อง รับผิด ต่อ โจทก์ ตาม สัญญา ขาย ลด ตั๋วเงินอันเป็น มูลหนี้เดิม หาใช่ กรณี ที่ โจทก์ จะ บังคับ ให้ จำเลย รับผิด ได้เฉพาะ มูลหนี้ ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ เช็ค ดัง ที่ จำเลย ฎีกา แต่ ประการใดเมื่อ สิทธิเรียกร้อง ของ โจทก์ ตาม สัญญา ขาย ลด ตั๋วเงิน ไม่มี กฎหมายบัญญัติ เรื่อง อายุความ ไว้ โดยเฉพาะ จึง ต้อง บังคับ ตาม ประมวล กฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์ มาตรา 164 เดิม คือ มี อายุความ 10 ปีตั๋วสัญญาใช้เงิน ถึง กำหนด ใช้ เงิน วันที่ 23 ธันวาคม 2531 และธนาคาร ปฏิเสธ การ จ่ายเงิน ตามเช็ค ที่ จำเลย มอบ ให้ โจทก์ เพื่อ ชำระหนี้ตาม ตั๋วสัญญาใช้เงิน ที่ จำเลย นำ ไป ขาย ลด แก่ โจทก์ เมื่อ วันที่ 23ธันวาคม 2531 อายุความ จึง เริ่ม นับ ตั้งแต่ วันที่ 24 ธันวาคม 2531โจทก์ ฟ้อง วันที่ 25 พฤศจิกายน 2535 คดี ของ โจทก์ จึง ไม่ขาดอายุความศาลล่าง ทั้ง สอง พิพากษา มา ชอบแล้ว ฎีกา ของ จำเลย ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share