คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโทษที่จะเพิ่มและจะลดมีกำหนด (กึ่งหนึ่ง) เท่ากันศาลต้องให้หักกลบลบกัน ไม่ต้องเพิ่มไม่ต้องลด
แม้ มาตรา 293 จะกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงไว้ไม่เกิน 5 ปีแต่เมื่อมีการเพิ่มโทษ ผู้นั้นก็ยังต้องถูกเพิ่มโทษอีกโสดหนึ่งด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยล้วงกระเป๋าลักปากกา ดินสอของนายสวัสดิ์รวมราคา 145 บาท ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ จำเลยให้การรับสารภาพตลอดจนข้อเคยต้องโทษ พ้นโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 4 ปี ตามมาตรา 293 เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 73 แต่ลดโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 59 โทษเพิ่มและโทษลดเสมอกันให้หักกลบลบกันไปไม่ต้องเพิ่มและไม่ต้องลดตามมาตรา 39

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่าจำเลยต้องคำพิพากษาให้จำคุก 4 ปี เพิ่มกึ่งตามมาตรา 73 เป็น 6 ปี ลดกึ่งตามมาตรา 59 ควรเหลือโทษจำคุกเพียง 3 ปีจึงเกินไป 1 ปี และว่าศาลวางโทษจำคุกจำเลย 4 ปี เพิ่มโทษตามมาตรา73 อีก 2 ปี รวมเป็น 6 ปีเกินอำนาจตามมาตรา 293 ซึ่งกำหนดโทษอย่างสูง เพียง 5 ปี

ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องการเพิ่มโทษและลดโทษนี้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 39 ได้กำหนดวิธีการไว้โดยเฉพาะว่า ถ้าโทษที่ควรเพิ่มและที่ควรลดมีกำหนดเสมอกันให้หักกลบลบกันไม่ต้องเพิ่มและไม่ต้องลดโทษที่จะเพิ่มและลดในคดีนี้กึ่งหนึ่งเท่ากัน ศาลจึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายให้หักกลบลบกันไม่ต้องเพิ่มไม่ต้องลด บทบัญญัติมาตรา 293 กำหนดโทษจำคุกอย่างสูงไว้ไม่เกิน 5 ปีจริง แต่เป็นบทบัญญัติที่ยังไม่ได้มีการเพิ่มโทษ เมื่อมีการเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบผู้นั้นก็ยังต้องถูกเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบอีกโสดหนึ่งด้วยพิพากษายืน

Share