คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การนำความเท็จไปแจ้งแก่พนักงานอำเภอและพนักงานที่ดินว่าเจ้ามรดกมีทายาทเฉพาะแต่จำเลยเท่านั้น ความจริงเจ้ามรดกมีทายาทมากกว่านั้นอาจมีในชั้นไต่สวนมูลฟ้องจึงชอบที่จะฟังพยานโจทก์ให้สิ้นกระบวนความ
(ฎีกาที่ 279/2470)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองบังอาจสมคบกันหาความเท็จมาแจ้งแก่นายจวง พนักงานสอบสวนอำเภอเมืองสมุทรสาคร และนายจำรัสพนักงานที่ดินอำเภอเมืองสมุทรสาครว่าจำเลยเป็นทายาทแต่เพียง ๒ คนของนายกรับ นางอิ่ม ซึ่งวายชนม์ไปแล้วจะขอรับมรดกที่ดินตามใบไต่สวนของนายกรับ นายอิ่ม ซึ่งหาเป็นความจริงไม่ ความจริง นายกรับ นางอิ่ม มีทายาท ๔ คนเจ้าพนักงานหลงเชื่อจึงประกาศชื่อรับมรดกให้แก่จำเลย เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานและโจทก์เสียหาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม. ๑๑๘-๖๓ ฯลฯ
ชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์สืบนายจำรัสเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอได้ ๑ ปาก ศาลสั่งงดสืบพยานโจทก์โดยเห็นว่าคดีพอจะวินิจฉัยได้แล้ว และวินิจฉัยว่าไม่ปรากฎว่าจำเลยปกปิดทายาทแต่อย่างใด จำเลยเพียงแต่แจ้งว่าจำเลยเป็นทายาทผู้หนึ่ง ขอรับมรดกรายนี้เท่านั้น และเจ้าพนักงานต้องประกาศขอรับมรดกโจทก์จะต้องรู้เอาเองจากประกาศคำขอรับมรดกของเจ้าพนักงาน โจทก์ไม่มีอะไรจะเสียหายเพราะเหตุจำเลยไม่ได้แจ้งชื่อโจทก์ลงในบัญชีเครือญาติพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานโจทก์จนสิ้นกระบวนความและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้โจทก์ได้อ้างพยานบุคคลไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องถึง ๔ ปาก โจทก์เพียงสืบพยานนายจำรัสพนักงานที่ดินอำเภอได้เพียงปากเดียว แล้วศาลสั่งงดสืบพยานเสียโดยมิได้มีการบันทึกคำโจทก์ไว้ว่าจะสืบผู้ใด และมีข้อความว่าอย่างไรต่อไป หากโจทก์สืบพยานต่อไปได้ความสมจริงดังฟ้อง ฟ้องของโจทก์ก็มีมูลพอที่จะรับไว้พิจารณาได้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกา ๖๗๙/๒๔๗๐ คดีระหว่าง อัยการเพ็ชรบุรี โจทก์ นางปุ้ย จำเลย พิพากษายืน

Share