คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ถ้าโจทก์เห็นว่าคำพิพากษาดังกล่าวไม่ถูกต้องอย่างไร ก็ชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาให้ศาลสูงแก้ไขได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 โจทก์จะมายื่นฟ้องให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาเพิกถอนคำพิพากษาของศาลนั้นเองไม่ได้ เพราะคำพิพากษามีผลผูกพันคู่ความนับตั้งแต่วันที่ได้อ่านแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 4382/2520 หมายเลขแดงที่ 2623/2522 ของศาลชั้นต้นให้ชำระเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ ต่อมาโจทก์และจำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมโจทก์ชำระหนี้ไปบางส่วนแล้ว หลังจากนั้นจำเลยทั้งสองมีหนังสือแจ้งให้โจทก์นำเงินที่เหลือไปชำระ โจทก์เห็นว่าโจทก์ทำหนังสือรับสภาพหนี้เพราะถูกข่มขู่ และแสดงเจตนาลวง กับด้วยความสำคัญผิดอันเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม ขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอม และให้จำเลยทั้งสองคืนเงินที่รับชำระไปแล้วพร้อมดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วเห็นว่า โจทก์เคยถูกจำเลยทั้งสองฟ้องเป็นคดีที่ศาลชั้นต้น และศาลพิพากษาตามยอมให้โจทก์ชำระหนี้ให้จำเลยทั้งสองตามหนังสือรับสภาพหนี้ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงหามีสิทธิที่จะนำคดีมาฟ้องจำเลยทั้งสอง ขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอม และเรียกร้องเงินที่ได้ชำระหนี้ให้จำเลยบางส่วนไปแล้วคืนในฐานะลาภมิควรได้ได้ไม่ พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์บรรยายฟ้องมีสาระสำคัญว่า โจทก์ถูกข่มขู่และแสดงเจตนาลวงในการทำสัญญารับสภาพหนี้กับจำเลยทั้งสองตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2519 และโจทก์ได้แจ้งปฏิเสธหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2519 ต่อมาเมื่อจำเลยทั้งสองฟ้องโจทก์ให้ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าว โจทก์จำเลยทั้งสองก็ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาล และศาลพิพากษาตามยอม เห็นว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นซึ่งได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ถ้าหากโจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้องอย่างไร ก็ชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาให้ศาลสูงแก้ไขได้ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 โจทก์จะมายื่นฟ้องให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาทำลายคำพิพากษาของศาลนั้นเองย่อมไม่ได้ เพราะคำพิพากษามีผลผูกพันคู่ความนับตั้งแต่วันที่ได้อ่านแล้ว ส่วนเงินที่โจทก์ชำระหนี้ให้แก่จำเลยทั้งสอง โจทก์ก็ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องเรียกคืนได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share