แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เงินค่ารักษาพยาบาลผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บและค่าจัดการศพผู้ตายที่โดยสารมาในรถยนต์โดยสารของโจทก์ที่ถูกรถยนต์ของจำเลยชนที่โจทก์จ่ายไปตามระเบียบของบริษัทข.ที่โจทก์นำรถยนต์โดยสารเข้าร่วมบริการไม่มีกฎหมายให้สิทธิแก่ผู้ที่จ่ายที่จะเรียกร้องจากผู้ทำละเมิดได้ทั้งกรณีไม่ใช่การรับช่วงสิทธิตามกฎหมายจำเลยจึงไม่ต้องชดใช้เงินดังกล่าวให้โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารปรับอากาศหมายเลขทะเบียน 10-8314 กรุงเทพมหานคร โจทก์นำรถคันดังกล่าวเข้าร่วมกับบริษัทขนส่ง จำกัด รับขนส่งผู้โดยสาร จำเลยที่ 1เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถบรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน84-0375 กรุงเทพมหานคร กับเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถแทรกเตอร์หมายเลขรถ 27495 จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 ได้ขับรถบรรทุกคันดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยความประมาทโดยบรรทุกรถแทรกเตอร์คันดังกล่าวซึ่งมีใบมีดจานไถด้านหน้า กว้างประมาณ 4 เมตร ยื่นเลยตัวถังรถบรรทุกข้างละ 50 เซนติเมตร และไม่ได้ติดโคมไฟข้างรถเพื่อให้รถที่แล่นสวนมาได้เห็นแนวรถแทรกเตอร์และใบมีดจานไถด้านหน้ารถแทรกเตอร์ที่ยื่นล้ำเลยตัวถังรถบรรทุกแล้วขับไปตามถนนเพชรเกษมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรตามกฎหมาย ออกจากอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร เมื่อถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 417-418 ตำบลช้างแรก อำเภอบางสะพานน้อยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเวลาประมาณ 1.30 นาฬิกาของวันที่ 30 มิถุนายน 2527 ได้สวนทางกับรถยนต์โดยสารปรับอากาศของโจทก์คันดังกล่าว ซึ่งแล่นมาตามช่องเดินรถด้านซ้าย มุ่งหน้าไปจังหวัดภูเก็ต แต่ด้วยความประมาทดังกล่าว จำเลยที่ 2 ได้ขับรถบรรทุกแฉลบเลยกึ่งกลางถนนเข้ามาในช่องเดินรถของโจทก์เป็นเหตุให้ใบมีดจานไถด้านหน้าขวาของรถแทรกเตอร์ที่ยื่นล้ำด้านข้างรถบรรทุกออกมาชนถูกรถยนต์โดยสารของโจทก์ทางด้านขวาได้รับความเสียหายผู้โดยสารในรถได้รับบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตาย ทำให้โจทก์ต้องซ่อมรถที่ได้รับความเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 461,600 บาท และต้องขาดรายได้สุทธิจากการรับส่งผู้โดยสารตามปกติเป็นเวลา 30 วัน เป็นเงินวันละ 3,000 บาทรวมเป็นเงิน 90,000 บาท และโจทก์ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งจัดการศพผู้โดยสารตามระเบียบและข้อบังคับของบริษัทขนส่ง จำกัด เป็นเงิน95,182 บาท รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 646,782 บาท จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ ในจำนวนเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2527 ถึงวันฟ้องเป็นเวลา 10 เดือน เป็นค่าดอกเบี้ย 12,052.38 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 658,834.38 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นที่โจทก์อ้างว่าได้จ่ายให้แก่ผู้บาดเจ็บตามระเบียบของบริษัทขนส่ง จำกัด นั้นไม่เป็นความจริง แม้จ่ายไปก็เป็นเรื่องที่โจทก์ทำไปเพื่อประโยชน์ของโจทก์เอง จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืนจากจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
จำเลย ที่ 2 ขาดนัด ยื่นคำให้การ และ ขาดนัดพิจารณา
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้เรียกบริษัทไทยประสิทธิประกันภัย จำกัด ในฐานะผู้รับประกันภัยรถบรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 84-0375 กรุงเทพมหานคร จากจำเลยที่ 1เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมให้การว่า ค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์จ่ายไปเป็นการชำระหนี้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีความผูกพันต้องชำระเป็นการชำระโดยอำเภอใจ จึงไม่มีสิทธิเรียกคืนจากจำเลยร่วม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองและจำเลยร่วม ร่วมกันใช้เงินจำนวน 357,733.32 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2527 จนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้จำเลยร่วมร่วมรับผิดในคดีนี้ เมื่อรวมกับหนี้เงินต้นตามคำพิพากษาถึงที่สุดของจำเลยร่วมเฉพาะในส่วนที่เป็นความผิดต่อทรัพย์สินของโจทก์ในคดีหมายเลขแดงที่ 13893/2532 ของศาลชั้นต้นแล้ว ต้องไม่เกิน 200,000 บาท ให้จำเลยร่วมร่วมรับผิดชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินค่าเสียหายส่วนที่จะต้องรับผิดในคดีนี้นับแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2527 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองรถยนต์โดยสารปรับอากาศคันหมายเลขทะเบียน10-8314 กรุงเทพมหานคร มีนายบุญลือ เปรมกมล ลูกจ้างเป็นคนขับจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถบรรทุกคันหมายเลขทะเบียน84-0375 กรุงเทพมหานคร และรถแทรกเตอร์หมายเลขรถ 27495 จำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยรถบรรทุกของจำเลยที่ 1 ตามวันเวลาเกิดเหตุรถยนต์โดยสารปรับอากาศของโจทก์คันดังกล่าว ซึ่งมีนายบุญลือเป็นผู้ขับได้เกิดเฉี่ยวชนกับรถบรรทุกของจำเลยที่ 1 ซึ่งบรรทุกรถแทรกเตอร์คันดังกล่าวที่แล่นสวนทางมาและมีจำเลยที่ 2 ลูกจ้างของจำเลยที่ 1เป็นผู้ขับมาในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้รถยนต์โดยสารของโจทก์ได้รับความเสียหาย สำหรับกรณีค่ารักษาพยาบาล ค่าเช่าโรงแรมให้แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและค่าทดแทนอื่น ๆ แก่ผู้โดยสารที่โจทก์อ้างว่าได้จ่ายไปจริงรวมเป็นเงิน 95,182 บาทนั้น ฟ้องโจทก์เรียกร้องกรณีนี้เฉพาะค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและค่าจัดการศพให้แก่ผู้โดยสาร โจทก์ฎีกาว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ให้อำนาจแก่เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ หากคู่กรณีที่เกี่ยวข้องได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นว่านั้นล่วงหน้าแล้ว การที่จำเลยที่ 2 กระทำละเมิดในคดีนี้ จำเลยย่อมคาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นว่าจะเกิดการเสียหายแก่ผู้อื่นได้เมื่อโจทก์ได้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวไปตามระเบียบของบริษัทขนส่งจำกัด หรือตามสำนึกแห่งวิญญูชนหรือนิติสำนึก จำเลยย่อมคาดเห็นล่วงหน้าถึงความเสียหายของโจทก์เช่นว่านี้ได้ นอกจากนี้เมื่อศาลฟังว่า นายบุญลือลูกจ้างโจทก์และจำเลยที่ 2 กระทำละเมิดร่วมกันโจทก์ย่อมอยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ในอันที่จะเข้ารับช่วงสิทธิเรียกร้องเอาแก่จำเลยตามส่วนได้ เห็นว่า เงินค่ารักษาพยาบาลและค่าจัดการศพให้แก่ผู้โดยสารที่โจทก์เรียกร้องมาแม้จะฟังว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้จ่ายไปในการรักษาพยาบาลแก่ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บและค่าจัดการศพผู้ตายที่ได้โดยสารมาในรถยนต์โดยสารของโจทก์ โจทก์ก็หามีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ไม่ เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้สิทธิแก่ผู้ที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าจัดการศพแก่ผู้อื่นที่ถูกทำละเมิดเรียกร้องเอาค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากผู้ทำละเมิดได้ ทั้งกรณีไม่ใช่การรับช่วงสิทธิตามกฎหมายดังโจทก์ฎีกา”
พิพากษายืน