แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งสาธารณะด้วยรถยนต์จำเลยเดินรถยนต์รับส่งคนโดยสารทับเส้นทางที่โจทก์ได้รับการอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ฝ่าฝืน พระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา14เป็นละเมิดต่อโจทก์ โจทก์นำสืบค่าเสียหายแน่นอนไม่ได้ศาลกำหนดให้ตามที่โจทก์ได้รับจากผู้ที่นำรถมาร่วมรับส่งคนโดยสารกับโจทก์
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์วันละ 296 บาท ให้งดเว้นเดินรถในเส้นทางของโจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ประกอบการขนส่งแข่งขันกับกิจการขนส่งของโจทก์อันเป็นการละเมิดนั้นข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถยนต์โดยสารบนเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ กับเชียงใหม่ บนเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯกับเชียงราย และบนเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ กับลำปาง โจทก์มีสิทธิรับส่งคนโดยสารระหว่างทางบนเส้นทางดังกล่าว ส่วนจำเลยได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งสาธารณะด้วยรถยนต์ จำเลยมีสิทธิรับส่งคนโดยสารโดยไม่จำกัดเส้นทาง แล้วจำเลยนำรถยนต์มารับส่งคนโดยสารบนเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯกับเชียงใหม่ และกรุงเทพฯ กับลำปาง โดยมีกำหนดวันเวลาออกรถแน่นอนเป็นประจำทุกวัน ขายตั๋วโดยสารเป็นรายบุคคลที่ประสงค์เดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯ กับเชียงใหม่ และกรุงเทพฯ กับลำปาง แต่มิได้หยุดรับส่งคนโดยสารระหว่างทาง เห็นว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการประกอบการขนส่งอันมีลักษณะเป็นการแข่งขันกับการขนส่งของโจทก์ และเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 มาตรา 14 ดังที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ในคดีที่จำเลยถูกฟ้องเป็นคดีอาญาตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1029/2520ระหว่างพนักงานอัยการกรมอัยการ โจทก์ บริษัทแหลมทองทัวร์ จำกัด โดยนายสุวรรณ ตันติศิริวัฒน์ และนายอุทัย ตันติศิริวัฒน์ จำเลยที่ 1 นายสุวรรณตันติศิริวัฒน์ จำเลยที่ 2 นายอุทัย ตันติศิริวัฒน์ จำเลยที่ 3 การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ดังที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 2432/2520 ระหว่างบริษัทขนส่ง จำกัด โจทก์บริษัทแอมเพรสแทรเวิล เซอร์วีส จำกัด จำเลย และคำพิพากษาฎีกาที่ 186/2521ระหว่างบริษัทขนส่ง จำกัด โจทก์ บริษัททัวร์เศรษฐี จำกัด จำเลย เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ส่วนปัญหาข้อที่ว่าศาลล่างได้กำหนดค่าเสียหายให้จำเลยใช้แก่โจทก์ชอบหรือไม่ เห็นว่าศาลล่างทั้งสองฟังว่า โจทก์ไม่สามารถนำสืบค่าเสียหายเป็นจำนวนแน่นอนได้ จึงคำนวณค่าเสียหายให้จำเลยใช้แก่โจทก์ตามอัตราจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับจากรถของบุคคลอื่นที่นำมาร่วมแล่นรับส่งคนโดยสารบนเส้นทางดังกล่าวเป็นการชอบแล้ว”
พิพากษายืน