แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การแบ่งส่วนเจ้าของรวมต้องเป็นไปตามส่วนที่ตนเป็นเจ้าของซึ่งแล้วแต่ข้อเท็จจริงว่ามีสิทธิเพียงใด การที่ยกเอาข้อสันนิษฐานตามมาตรา 1357 มาแบ่งเท่ากันในเมื่อปรากฏสิทธิของเจ้าของรวมอยู่ชัดแจ้งแล้วนั้นจึงไม่ถูกต้อง
บุคคล 5 คน มีชื่อในโฉนดร่วมกัน โดยไม่ระบุว่าผู้ใดมีสิทธิเท่าใด หากข้อเท็จจริงที่นำสืบปรากฏชัดว่าได้มีชื่อในโฉนดร่วมกันนั้นเพราะได้รับโอนมรดกมาและสิทธิในการรับมรดกของแต่ละคนก็ปรากฏชัดตามทางนำสืบด้วยแล้ว ดังนี้ จะยกข้อสันนิษฐานมาให้แบ่ง 5 ส่วนได้คนละเท่ากัน ตามมาตรา 1357 ไม่ได้
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องมีใจความสำคัญดังนี้ ที่ดินมีโฉนด 2 แปลงเนื้อที่ 77 ไร่ 2 งาน 16 วา เดิมเป็นของนายทับนางเปลี่ยน นายทับนางเปลี่ยนวายชนม์ นายผลนางทิบ นางคล้อย นางเหงี่ยม และนางหงวนโจทก์ที่ 1 เป็นผู้รับมรดก นายผลวายชนม์ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นผู้รับมรดก นางทิบขายส่วนของตนให้จำเลยที่ 5 นางคล้อยวายชนม์ส่วนของนางคล้อยตกได้แก่โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 นางเหลี่ยมวายชนม์ที่ตกได้แก่โจทก์ที่ 2 ต่อมาได้มีการแก้ทะเบียนในโฉนดเป็นชื่อโจทก์จำเลยทุกคน แต่ยังไม่ได้แบ่งกันเป็นส่วนสัดตามส่วนที่ได้รับมรดกมา ซึ่งโจทก์ทั้งสองคนจะได้คนละ23 ไร่ 64 วาเศษ โจทก์ขอให้จำเลยแบ่งจำเลยไม่ยอมแบ่งตามที่โจทก์จะได้จะแบ่งเท่า ๆ กันหมด จึงไม่ตกลงกัน ขอให้ศาลแบ่งให้โจทก์คนละ 23 ไร่ 64 วา ถ้าแบ่งไม่ได้ให้ขาย นำเงินมาแบ่งกันตามส่วน
จำเลยทั้ง 5 ให้การว่า เจ้ามรดกยกที่ให้นายผล นางทิบ ทางทิศใต้ยกให้นางเหงี่ยม นางคล้อย และนางหงวนทางทิศเหนือ เนื้อที่ 15 ไร่เศษเท่านั้น ต่างครอบครองส่วนของตนมา เมื่อนางเหงี่ยมนางคล้อยวายชนม์ โจทก์ได้รับส่วนของนางเหงี่ยมนางคล้อยและปกครองที่ดินเท่าเดิม โจทก์จึงควรได้เท่าที่ครอบครองอยู่ เนื้อที่ประมาณ 15 ไร่เศษ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เมื่อนายทับ นางเปลี่ยนวายชนม์ นางผล นางทิบ นางคล้อย นางเหงี่ยมและนางหงวนมีชื่อในโฉนดร่วมกันไม่ทราบว่าของใครได้ส่วนเท่าใด จึงเข้าข้อสันนิษฐานประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1357 จึงมีส่วนเท่ากันในที่พิพาท เมื่อโจทก์จำเลยเป็นทายาทรับมรดกต่อมา โจทก์ทั้งสองจึงได้ 3 ใน 5 ส่วนของที่ทั้งสองแปลงพิพากษาให้แบ่งที่ 2 แปลงไปตามนั้น
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่า ข้อเท็จจริงได้ความชัดว่า นายทับ นางเปลี่ยนมีทายาท 3 คน คือนายผล นางทิบและนางกรีม นางกรีมตายมีบุตร 3 คน คือ นางเหงี่ยม นางหงวนและนางคล้อย ทั้ง 3 คนนี้เป็นผู้รับมรดกแทนที่นางกรีม สิทธิในการรับมรดกปรากฏชัดแล้วเป็นการลบล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายได้เพียงพอแล้ว มรดกในชั้นนี้ต้องแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่นายผล นางทิบ ทายาทชั้นบุตรคนละ 1 ส่วนได้แก่นางเหงี่ยม นางคล้อยและนางหงวน ผู้รับมรดกแทนที่นางกรีมอีก 1 ส่วน ต่อจากนั้นจึงแบ่งไปตามส่วนที่ปรากฏตามโฉนดโดยลำดับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ดินมรดกนี้ยังไม่มีการแบ่ง คงครอบครองร่วมกันมาการแบ่งส่วนเจ้าของรวมต้องแบ่งไปตามส่วนที่ตนเป็นเจ้าของ ซึ่งแล้วแต่ข้อเท็จจริง ที่ศาลอุทธรณ์ยกข้อสันนิษฐานตามมาตรา 1357 มาแบ่งเท่ากันในเมื่อปรากฏสิทธิรับมรดกตามกฎหมายอยู่ชัดแจ้งแล้ว หาถูกต้องไม่ ศาลฎีกาเห็นชอบตามความเห็นแย้ง
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ไปตามความเห็นแย้ง)