แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชนตามมาตรา 228 แห่งประมวลกฎหมายอาญา นั้น จำเลยจะต้องมีเจตนาให้เกิดอุทกภัยโดยตรง จะยกเอาการเล็งเห็นผลของการกระทำตามมาตรา 59 วรรคสอง มาใช้ไม่ได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่26/2504)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจร่วมกันทำทำนบปิดกั้นน้ำในคลองสาธารณะมิให้น้ำไหลผ่านไปโดยสะดวก ทำให้น้ำท่วมสวนยางพาราและไร่นาของบุคคลอื่นเสียหาย ขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228, 83 จำคุกคนละ 3 เดือน ปรับคนละ 900 บาท ลดโทษให้ 1 ใน 3คงจำคุกคนละ 2 เดือน ปรับคนละ 600 บาท โทษจำให้รอไว้ 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันทำทำนบปิดกั้นน้ำในลำคลองสาธารณะขึ้นใหม่ ไม่ใช่ซ่อมแซมทำนบเก่าดังที่จำเลยต่อสู้ จำเลยทำทำนบสูงเสมอตลิ่ง น้ำจึงได้ท่วมที่สวนที่นาของผู้เสียหาย ต้นยางตายเป็นจำนวนมาก และที่นาก็ทำนาไม่ได้ก่อนที่จำเลยจะทำทำนบเมื่อถึงหน้าน้ำ น้ำจะท่วมที่สวนที่นาเพียงวันสองวันก็แห้งลงคลองไป ไม่ถึงกับทำให้ต้นยางตาย
ปัญหามีว่า การกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228 หรือไม่ มาตรา 228 บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อให้เกิดอุทกภัย ….. ถ้าการกระทำนั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ….” ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เพื่อให้เกิดอุทกภัยตามมาตรานี้ จำเลยจะต้องมีเจตนาให้เกิดอุทกภัยโดยตรง จะยกเอาการเล็งเห็นผลของการกระทำตามมาตรา 59 วรรคสอง มาใช้ไม่ได้ แต่เจตนาของบุคคลเป็นเรื่องในใจต้องอาศัยพฤติการณ์เป็นเรื่อง ๆ ไป เป็นเครื่องชี้เจตนา สำหรับเรื่องนี้ตามพฤติการณ์ที่กล่าวข้างต้น แสดงว่าการทำทำนบปิดกั้นคลองของจำเลยเพื่อเจตนาจะให้เกิดอุทกภัยเพราะนาจำเลยอยู่ในที่สูง สวนยางและนาผู้เสียหายอยู่ในที่ต่ำกว่า จำเลยย่อมตั้งใจให้เกิดอุทกภัยแก่สวนยางและนาของผู้เสียหาย น้ำจึงจะไหลเข้าถึงนาของจำเลยยิ่งกว่านี้เมื่อเกิดอุทกภัยแล้วทางการสั่งให้เปิดทำนบ จำเลยก็ไม่ยอมเปิด แสดงให้เห็นชัดว่าจำเลยเจตนาทำให้เกิดอุทกภัยตลอดมาจำเลยจึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น