คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเพียงแต่รับเฮโรอีนจาก ส. แล้วมาจำหน่ายต่อให้สายลับทันที มิได้ยึดถือเฮโรอีนไว้โดยเจตนายึดถือเพื่อตน จึงไม่ผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 7, 15, 66, 67, 102
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยมีความผิดตามมาตรา 15, 66, 102 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จำเลยมีความผิดตามมาตรา 15, 66, 102
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองด้วย
ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า วันเกิดเหตุ ร้อยตำรวจโทบัญชาปั้นประดับวางแผนจับกุมผู้กระทำผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษด้วยการมอบธนบัตร 100 บาท ให้สายลับนำไปล่อซื้อเฮโรอีน ร้อยตำรวจโทบัญชากับพวกตามไปแอบซุ่มดู เห็นสายลับส่งเงินให้จำเลยและจำเลยรับเงินแล้วเดินเข้าไปในระหว่างบ้านสองหลัง รับห่อกระดาษจากนายสมพงษ์ เมื่อเดินกลับออกมาก็นำห่อกระดาษมามอบให้สายลับ ร้อยตำรวจโทบัญชากับพวกจึงเข้าจับจำเลยได้พร้อมเฮโรอีนที่อยู่ในห่อกระดาษ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยเพียงแต่รับเฮโรอีนของกลางจากนายสมพงษ์มาจำหน่ายต่อให้สายลับทันทีมิได้ยึดถือเฮโรอีนของกลางไว้โดยเจตนายึดถือเพื่อตน จำเลยจึงมิใช่ผู้กระทำผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง
พิพากษายืน.

Share