คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่ไม่ปรากฏอัตราแลกเปลี่ยนเงินอันแน่นอนเพราะเหตุทางการห้ามการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนั้น ต้องถือเอาอัตราแลกเปลี่ยนครั้งสุดท้ายที่ทางการกำหนดไว้ก่อนมีการควบคุม จะถือเอาอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันในตลาดมืดมาใช้ไม่ได้
ศาลชั้นต้นตัดสินให้จำเลยใช้เงินในอัตรารูเปียละหนึ่งบาทจำเลยยอมไม่อุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะเห็นว่าจำเลยควรต้องใช้น้อยกว่านี้ ก็ไม่อาจแก้ไขได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญากู้เงินเป็นเงิน 937.30 รูเปีย ถ้าไม่สามารถชำระเป็นเงินรูเปียได้ก็ให้ใช้เงินไทยในอัตราแลกเปลี่ยนเวลานี้เป็นเงิน 3,749.20 บาทให้โจทก์

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์ตามฟ้องในอัตรารูเปียละ 1 บาท

โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียว ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์ในอัตรารูเปียละ 80 สตางค์ตามอัตราแลกเปลี่ยนครั้งสุดท้ายของทางการก่อนมีพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

โจทก์ฎีกาว่า อัตราแลกเปลี่ยนนี้ควรเป็นรูเปียต่อ 4 บาทตามที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันไว้แล้ว

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์จำเลยรับว่า เมื่อขณะทำสัญญากู้เงินอัตราแลกเปลี่ยน 1 รูเปียต่อ 80 สตางค์ อัตรานี้ได้ถือปฏิบัติเป็นทางการตลอดมาจนถึง พ.ศ. 2485 ได้มีพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ห้ามแลกเปลี่ยนเว้นแต่จะได้รับอนุญาต ที่จำเลยแถลงว่า เวลานี้ในท้องตลาดแลกเปลี่ยนกัน1 รูเปียต่อ 4 บาทหรือ 6 บาทนั้น หมายถึงการแลกเปลี่ยนกันในตลาดมืดไม่ใช่อัตราปกติ ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อไม่ปรากฏอัตราแลกเปลี่ยนกันในขณะนี้ ก็ต้องถือเอาอัตราแลกเปลี่ยนครั้งสุดท้าย คือ 1 รูเปียต่อ 80 สตางค์ จะเอาอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดมืดมาใช้ดังโจทก์ฎีกาไม่ได้ แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นตัดสินให้จำเลยชำระในอัตรา 1 รูเปียต่อ 1 บาท จำเลยยอมตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะแก้เป็นอย่างอื่น จึงพิพากษาแก้ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share