คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1239/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ขณะมีการขว้างปาระเบิดโจทก์จะไม่มีพยานรู้เห็นการกระทำของคนร้ายก็ตาม แต่คำบอกเล่าของจำเลยว่าตนเป็นผู้ก่อเหตุร้ายต่อพยานโจทก์ เป็นการกล่าวร้ายเสียประโยชน์และไม่เป็นคุณแก่ตนย่อมมีน้ำหนักที่จะรับฟังประกอบกับพฤติการณ์แวดล้อมกรณีอันเกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายให้เชื่อได้ว่าจำเลยร่วมกันกระทำความผิดจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ลูกระเบิดขว้างแบบสังหารเป็นอาวุธขว้างใส่ฝูงชนที่โรงรำวงภายในบริเวณงานเฉลิมพระชนมพรรษาโดยเจตนาฆ่าฝูงชนดังกล่าว ลูกระเบิดได้ระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้มีคนตายและได้รับอันตรายแก่กายอีกหลายคน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 221, 224, 80, 83

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 บทหนึ่ง และฐานร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายตามมาตรา 221, 224 อีกบทหนึ่ง เป็นการกระทำกรรมเดียว ให้ลงโทษตามมาตรา 224 ซึ่งเป็นบทหนัก

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า คืนเกิดเหตุพลตำรวจสาโรจน์กับจำเลยทั้งสองพากันไปเที่ยวงาน ก่อนจะพากันเข้าไปในบริเวณงาน จำเลยที่ 1หยุดถ่ายปัสสาวะฝากลูกระเบิดที่นำมาด้วยให้พลตำรวจสาโรจน์ถือไว้ เมื่อถ่ายปัสสาวะเสร็จพลตำรวจสาโรจน์ได้คืนลูกระเบิด จำเลยที่ 1 รับไว้แล้วใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม ระหว่างเดินเที่ยวงานได้พบกับพลตำรวจเหมียนพลตำรวจพากย์ กับพวกเพื่อนตำรวจประจำสถานีตำรวจเดียวกัน 3-4 คนนั่งดื่มสุราในร้านขายอาหาร จึงแวะเข้าไปร่วมวงสุราด้วย เวลาประมาณ23 นาฬิกา จำเลยที่ 1 พูดขึ้นว่าจะเอาลูกระเบิดไปขว้างใส่โรงรำวงคณะเจียรตนาเพราะมีเรื่องกับพวกคณะรำวงอยู่ก่อนหน้านั้น โดยในคืนก่อนหน้าจะถึงคืนเกิดเหตุ 2 คืน จำเลยทั้งสองกับพวกเพื่อนทหารพรานหลายคนพากันขึ้นจะขอรำวง แต่ไม่ยอมเสียเงิน จึงเกิดทะเลาะโต้เถียงกับกองเชียร์คณะรำวง จำเลยทั้งสองกับพวกพูดขู่ว่าจะขว้างระเบิด ห้ามไม่ให้มีการรำวงในคืนต่อ ๆ ไป หากไม่ฟังจะเอาระเบิดมาขว้าง แต่คณะรำวงยังคงเปิดการแสดงในคืนต่อ ๆ มาตามปกติ พลตำรวจสาโรจน์พูดห้ามปราม จำเลยทั้งสองไม่เชื่อ ลุกจากวงสุราตรงไปยังโรงรำวง จำเลยทั้งสองหายไปไม่นานนักมีเสียงระเบิดดังขึ้น ผู้คนแตกตื่นวิ่งหนี คืนนั้นเองพลตำรวจสาโรจน์ออกจากงานจะไปขึ้นรถยนต์โดยสารกลับได้พบกับจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 2 ได้พูดว่าได้ขว้างระเบิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว รุ่งขึ้นพลตำรวจพากย์ประจำฐานปฏิบัติการเดียวกับจำเลยทั้งสอง พบกับจำเลยทั้งสองที่ฐานปฏิบัติการ จำเลยทั้งสองได้พูดบอกพลตำรวจพากย์ต่อหน้าเพื่อน ๆ ร่วมฐานปฏิบัติการว่าเป็นคนเอาระเบิดไปขว้างใส่โรงรำวงตอนเกิดเหตุ แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แม้ขณะมีการขว้างปาระเบิดโจทก์จะไม่มีพยานรู้เห็นการกระทำของคนร้ายก็ตามแต่คำบอกเล่าของจำเลยทั้งสองว่าตนเป็นผู้ก่อเหตุร้ายต่อพยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าว เป็นการกล่าวร้ายเสียประโยชน์และไม่เป็นคุณแก่ตน ย่อมมีน้ำหนักที่จะรับฟังประกอบกับพฤติการณ์แวดล้อมกรณีอันเกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายให้เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดดังข้อนำสืบของโจทก์

พิพากษายืน

Share