คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12389/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 มิได้มีส่วนร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ จึงไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับดังที่โจทก์ฟ้อง แต่พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 แบ่งขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1 ย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยที่ 2 ครอบครองเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อจำหน่ายอยู่ก่อนแล้ว แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งย่อมมีความหมายเช่นเดียวกัน ทั้งมิใช่ข้อแตกต่างที่เป็นสาระสำคัญและจำเลยที่ 2 มิได้หลงต่อสู้ จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83 ริบเมทแอมเฟตามีน โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง รถจักรยานยนต์และกระเป๋าคาดเอวของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 4 ปี ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุกคนละ 3 ปี ริบเมทแอมเฟตามีน โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง รถจักรยานยนต์ และกระเป๋าคาดเอวของกลาง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 คืนโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 08 6548 7326 กระเป๋าคาดเอวและธนบัตรล่อซื้อของกลางให้แก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง พันตำรวจโทวันชัยร่วมกับพวกวางแผนจับกุมจำเลยที่ 1 ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยให้สายลับติดต่อล่อซื้อและนำธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อจำนวน 600 บาท ไปถ่ายสำเนาและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาจำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบให้แก่สายลับ 2 เม็ด พันตำรวจโทวันชัยกับพวกจึงเข้าจับกุมจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 รับว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากจำเลยที่ 2 แล้วพาไปที่บ้านของจำเลยที่ 2 ตรวจค้นพบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อ 600 บาท อยู่ในกระเป๋าคาดเอวของจำเลยที่ 2 ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามบันทึกการจับกุมและคำให้การในชั้นสอบสวน
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ โจทก์มีพันตำรวจโทวันชัยและจ่าสิบตำรวจวัลลัย เป็นพยานเบิกความถึงข้อเท็จจริงตามที่รับฟังได้ในเบื้องต้น ซึ่งจำเลยที่ 2 เบิกความยอมรับว่า แบ่งขายเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ให้แก่จำเลยที่ 1 ในราคา 400 บาท และรับชำระหนี้ไถ่ถอนโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยที่ 1 อีก 200 บาท ต่อมาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจค้นพบธนบัตร 600 บาท อยู่ในกระเป๋าคาดเอว เห็นว่า ตามบันทึกการจับกุมและคำให้การในชั้นสอบสวนปรากฏข้อเท็จจริงตรงกับที่จำเลยที่ 2 นำสืบ อันเป็นการสอดคล้องต้องกันว่าจำเลยที่ 2 มิได้มีส่วนร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ จึงไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับดังที่โจทก์ฟ้อง แต่พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 แบ่งขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1 นั้น ย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยที่ 2 ครอบครองเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อจำหน่ายอยู่ก่อนแล้ว แม้โจทก์จะฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งย่อมมีความหมายเช่นเดียวกัน ทั้งมิใช่ข้อแตกต่างที่เป็นสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้ เช่นนี้ คดีจึงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปี คำให้การในชั้นสอบสวนและทางนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share