แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานตำรวจเข้าทำการจับกุมจำเลยหลังจากจำเลยได้ทำการขายเสร็จขาดตอนไปแล้ว ค้นได้เฮโรอีนที่จำเลยยังมีเพื่อขายอยู่กับตัวอีก ดังนั้น การขายจำหน่าย หรือจ่ายแจกยาเสพติดให้โทษ กับการมียาเสพติดให้โทษไว้เพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจก ของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานมีไว้เพื่อขายอีกกระทงหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดต้องห้ามตามกฎหมายโดยเด็ดขาดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายขายแก่ประชาชน ๒๔ หลอด หนัก ๐.๘๙ กรัม และจำเลยได้จำหน่ายขายเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ดังกล่าว จำนวน ๒ หลอด ให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจแต่งกายนอกเครื่องแบบโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ที่เหลือจากการขาย ๒๒ หลอด กับที่ขายไปแล้ว ๒ หลอด ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดลงโทษจำคุกฐานลักทรัพย์มีกำหนด ๑ ปี ภายใน ๕ ปีนับแต่วันพ้นโทษดังกล่าว จำเลยกลับมากระทำผิดคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฯลฯ
จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษมาจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและได้จำหน่ายเฮโรอีนนั้น เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๒๐ ทวิ วรรคท้าย ซึ่งเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ ๔ มาตรา ๖ ลงโทษจำคุก ๕ ปี เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ อีก ๑ ใน ๓ เป็นจำคุก ๖ ปี ๘ เดือน ลดรับสารภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ให้กึ่งหนึ่ง คงให้จำคุกมีกำหนด ๓ ปี ๔ เดือน
โจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิด ๒ กรรม
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้ เจ้าพนักงานตำรวจเข้าทำการจับกุมจำเลยหลังจากจำเลยได้ทำการขายเสร็จขาดตอนไปแล้ว ค้นได้เฮโรอีนที่จำเลยยังมีเพื่อขายอยู่กับตัวอีก ดังนั้น การขายจำหน่าย หรือจ่ายแจกยาเสพติดให้โทษ กับการมียาเสพติดให้โทษไว้เพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจก ของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานมีไว้เพื่อขายอีกกระทงหนึ่ง
พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายอีกกระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานจำหน่ายยกเสพติดให้โทษเฮโรอีนอีกกระทงหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๒๐ ทวิ พระราชบัญญัติเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๖ เรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ ๕ ปี รวมโทษจำคุก ๑๐ ปี เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ อีก ๑ ใน ๓ เป็นโทษจำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ปรานีลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎมายอาญา มาตรา ๗๘ คงให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด ๖ ปี ๘ เดือน นอกจากนี้แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์