แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การแรงงานสัมพันธ์ ออกตามอำนาจในข้อ 4 และ 14 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103ซึ่งให้มีผลบังคับอย่างกฎหมาย ซึ่งรับกันว่ามีอยู่และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ถือว่าเป็นที่ทราบกันทั่วไป ไม่ต้องนำสืบพยาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ที่ 2/2516 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2516
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ให้การว่า การพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์และคำชี้ขาดที่ 2/2516 ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 8 ที่ 9 ให้การว่า โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ 2/2516 ของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ แต่จำเลยที่ 8 ที่ 9 มิได้มีส่วนในการออกคำสั่งโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความแล้วเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ให้งดสืบพยานและวินิจฉัยว่า การพิจารณาชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ในเรื่องนี้ได้กระทำไปโดยฝ่าฝืนบทกฎหมาย คำชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์คือจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการแรงงานสัมพันธ์ ข้อ 75 โจทก์ไม่จำต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดนี้ คำชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์นั้น กฎหมายบัญญัติให้ถึงที่สุด เฉพาะแต่ในกรณีที่ทำการชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการแรงงานสัมพันธ์ ข้อ 14(2) และข้อ 22(4) เท่านั้นส่วนการวินิจฉัยชี้ขาดในกรณีที่เกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามข้อ 75 นั้นกฎหมายหาได้บัญญัติให้เป็นที่สุดแต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1ถึงที่ 7 ได้ ส่วนคำฟ้องที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 8 ที่ 9 นั้น คำขอบังคับของโจทก์มีแต่เฉพาะขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 เท่านั้น ไม่มีคำขอบังคับถึงจำเลยที่ 8 ที่ 9 ด้วย คำฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 8 ที่ 9 จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 พิพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ในฐานะคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ตามคำชี้ขาดที่ 2/2516 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์2516 นั้นเสีย ให้ยกฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 8 ที่ 9
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องแรงงานสัมพันธ์มิใช่เป็นกฎหมายอันจะถือว่าทุกคนจำต้องทราบ หากเป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำสืบแต่คดีนี้ตามคำฟ้อง คำให้การจำเลย และข้อที่คู่ความแถลง ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการแรงงานสัมพันธ์ที่จะใช้เป็นหลักในการวินิจฉัยมีว่าอย่างไร เห็นสมควรดำเนินการสืบพยานฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประกาศดังกล่าวเสียก่อนพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ที่ให้เพิกถอนคำชี้ขาดที่ 2/2516 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2516นั้นเสีย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานตามนัยที่กล่าวข้างต้นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการแรงงานสัมพันธ์ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ประกาศโดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 และข้อ 14 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 103 ซึ่งข้อ 4 บัญญัติว่า “ให้กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจกำหนดการแรงงานสัมพันธ์ดังต่อไปนี้ ฯลฯ” และข้อ 14 บัญญัติว่า ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้จะไม่ใช้บังคับทั้งหมดหรือบางส่วนแก่ส่วนราชการหรือกิจการใดให้เป็นไปตามที่กระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด” ดังนี้เห็นได้ว่าตามข้อบัญญัติของประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้อำนาจแก่กระทรวงมหาดไทยที่จะออกประกาศตามที่กำหนดไว้ในข้อดังกล่าวให้มีผลบังคับอย่างกฎหมาย และประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เป็นปัญหาข้างต้นก็ได้เป็นที่รับกันโดยปริยายว่ามีอยู่และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ถือได้ว่าเป็นที่ทราบทั่วกัน ไม่จำต้องสืบพยานถึงประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการแรงงานสัมพันธ์อีก
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาตามประเด็นที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 อุทธรณ์แล้วพิพากษาใหม่