แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทและเลี้ยงหมู เป็ด ไก่ส่วนบริวารจำเลยนอกจากจะเลี้ยงหมู เป็ด ไก่ ยังตั้งโรงทำไอสครีมและโรงทำเต้าหู้ขาย จึงเป็นการใช้ที่พิพาทเพื่อประกอบการค้า หากจะฟังว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทด้วยการเช่า จำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ
การเช่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดมาแสดงว่ายอมให้เช่า เมื่อไม่มีก็ต้องฟังตามโจทก์ว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของโจทก์ซึ่งมิใช่สิทธิในการเช่า เมื่อโจทก์บอกเลิกการอาศัยแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่พิพาทได้ต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยซึ่งเป็นผู้อาศัยออกไปจากที่ดินของโจทก์และเรียกค่าเสียหาย
จำเลยสู้ว่า จำเลยเช่าและได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ. 2489
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทและเลี้ยงหมูเป็ด ไก่ กับขุดบ่อเลี้ยงปลาขาย และบริวารปลูกโรงทำไอสครีมให้ผู้อื่นรับไปขายและขายเองด้วย จำเลยที่ 2 มีบ้านอยู่ใกล้ ๆ ที่พิพาท แต่ได้ใช้ที่พิพาทเลี้ยงหมู เป็ด ไก่ขายและเข้าหุ้นกับคนอื่น ตั้งโรงทำเต้าหู้ขายในที่พิพาท จนกระทั่งสามีตายจึงได้ถอนหุ้น แต่โรงเต้าหู้ยังคงดำเนินกิจการอยู่นั้นเป็นการใช้ที่พิพาทเพื่อประกอบการค้า หากจะฟังว่าจำเลยทั้งสองได้อยู่ในที่พิพาทด้วยการเช่า จำเลยทั้งสองก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ
ตามที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าเช่าก็ไม่มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดมาแสดงว่าโจทก์ยอมให้จำเลยเช่า จึงอ้างการเช่ามายันโจทก์ไม่ได้ ต้องถือว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของโจทก์ซึ่งมิใช่สิทธิในการเช่า เมื่อโจทก์บอกเลิกการอาศัยแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่พิพาทได้อีกต่อไป
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย