แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วันสุดท้ายที่โจทก์มีสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเป็นวันพืชมงคลอันเป็นวันหยุดราชการ วันถัดมาเป็นวันเสาร์และอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการเช่นเดียวกัน โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานในวันจันทร์ ศาลชั้นต้นสั่งรวม โจทก์นำพยานที่ระบุไว้มาสืบในวันอังคาร ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าโจทก์มีเจตนาฝ่าฝืน และเมื่อพิจารณาพฤติการณ์ดังกล่าวประกอบกับมาตรา 87(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีสมควรจะรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ให้เงิน 5,400 บาทแก่จำเลยไปไถ่ถอนการขายฝากที่ดินจำเลยไถ่ถอนแล้ว ไม่นำที่ดินนั้นมาทำจำนองกับโจทก์ตามสัญญาขอให้ศาลบังคับให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ชั้นพิจารณา ศาลเห็นว่าโจทก์ยื่นบัญชีพยานฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 จึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยาน และพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานและศาลชั้นต้นสั่งว่า “รวม” ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2507 และในวันที่ 12 พฤษภาคม 2507 เป็นวันนัดสืบพยานครั้งแรก การยื่นก่อนวันสืบพยานเพียงวันเดียวทนายโจทก์แถลงว่าตั้งใจจะยื่นบัญชีพยานในวันที่ 8 พฤษภาคม 2507 แต่เป็นวันพืชมงคล และหยุดราชการ ทนายโจทก์ไม่ทราบ ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้ข้ออ้างของโจทก์จะฟังไม่ได้ก็ตามแต่ปรากฏว่าวันที่ 9 และ 10 พฤษภาคม 2507 เป็นวันเสาร์และอาทิตย์อันเป็นวันหยุดราชการ โจทก์มายื่นในวันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2507 ศาลชั้นต้นได้สั่งรวมไว้แล้ว ทั้งในวันสืบพยานโจทก์ได้นำพยานที่ระบุอ้างมาศาลครบถ้วน ดังนี้จะถือว่าการกระทำของโจทก์เป็นการจู่โจมเอาเปรียบจำเลยดังฎีกาจำเลยยังไม่ถนัด ยังไม่พอที่จะฟังว่าโจทก์มีเจตนาจะฝ่าฝืน เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ดังกล่าวประกอบกับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ระบุว่า “เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอนุมาตรานี้ ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้” ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีสมควรจะรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87, 243, 247 ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษายืน