คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งให้ศาลถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
แม้ว่าโจทก์จะเคยฟ้องจำเลยในคดีอาญาในข้อหาว่าลักทรัพย์บุกรุกมาแล้ว และศาลเป็นแต่พิพากษาว่า จำเลยไม่มีเจตนาทุจริตลักทรัพย์หรือบุกรุกที่ดินของโจทก์นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องโต้เถียงการครอบครองหรือสิทธิในทางแพ่ง ศาลหาได้ชี้ขาดที่พิพาทว่าเป็นของใครไม่ ดังนี้โจทก์มีสิทธิกลับมาฟ้องทางแพ่งให้พิพากษาว่าที่ดินดังกล่าวในคดีก่อนเป็นของโจทก์ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำต้องห้าม
เมื่อทางวัดได้มอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องความแทนวัดโดยถูกต้องแล้วผู้นั้นก็ย่อมมีอำนาจดำเนินคดีได้ ส่วนผู้รับมอบอำนาจจะเป็นไวยาวัจกรของวัดจริงหรือไม่ ไม่สำคัญ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้บังอาจบุกรุกที่ดินของวัด โดยจำเลยได้มาปลูกสร้างบ้านเรือนลงและยึดถือที่ดินเอาเป็นของตน ขอให้พิพากษาแสดงว่าที่ดินตามฟ้องเป็นของวัดบรมวงษ์โจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นมารดาและบุตรให้การร่วมกันว่า ที่พิพาทไม่ใช่ของวัดเป็นของจำเลยกับตัดฟ้องว่า (1) โจทก์ได้มอบให้อัยการฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาหาว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปล้อมรั้วและลักตัดต้นไม้ไผ่ของวัดในที่พิพาท ศาลพิพากษายกฟ้องไปแล้วตามสำนวนคดีแดงที่ 1194/2495ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ (2) นายอรุณ ภาวะบุตร ผู้รับมอบอำนาจคดีนี้ไม่ได้เป็นไวยาวัจจกรของวัดบรมวงษ์โดยชอบด้วยกฎหมายไม่มีอำนาจฟ้องแทนวัด

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ในเส้นสีเขียวในแผนที่กลางเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยให้รื้อถอนเรือนออกไป และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งให้ศาลถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาและปรากฏว่าฟ้องของโจทก์ในคดีก่อนเป็นเรื่องฟ้องทางอาญาอย่างเดียว ไม่ได้เกี่ยวกับทางแพ่ง และในคดีอาญาแดงที่ 1194/2495 ที่โจทก์ฟ้องคราวก่อนนั้น ศาลเป็นแต่พิพากษาว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตลักทรัพย์หรือบุกรุกที่ดินของวัด ไม่ใช่เรื่องโต้เถียงการครอบครองถือสิทธิในทางแพ่ง ศาลหาได้ชี้ขาดที่พิพาทเป็นของใครไม่ จึงไม่เป็นการตัดสิทธิที่จะวินิจฉัยในคดีนี้ว่าเป็นที่ดินของวัดหรือไม่ ส่วนข้อตัดฟ้องเรื่องมอบอำนาจนั้น ก็เห็นว่านายอรุณผู้รับมอบอำนาจจะเป็นไวยาวัจจกรของวัดบรมวงษ์โจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ไม่สำคัญเมื่อทางวัดมอบอำนาจให้นายอรุณโดยถูกต้องแล้ว ก็ย่อมฟ้องคดีแทนวัดได้

ส่วนข้อเท็จจริงฟังว่าที่พิพาทเป็นของวัด

พิพากษายืน

Share