คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยยื่นความจำนง ขอซื้อ ที่ดิน พิพาทจากกองทัพอากาศ และจำเลยยอมให้กองทัพอากาศหัก เงินเดือน ของจำเลยทุกเดือนเป็นการผ่อนชำระราคาที่ดิน เมื่อผ่อนชำระครบถ้วนแล้ว ผู้ขายได้ จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยในระหว่างสมรส ดังนี้ ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยและขอแบ่งที่ดินพิพาทอันเป็นสินสมรสกับให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดู
จำเลยให้การต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากไม่สามารถแบ่งได้ ก็ให้นำออกขายโดยประมูลราคากันระหว่างโจทก์และจำเลยหรือขายทอดตลาด แล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์จำเลยได้จดทะเบียนสมรสกันเมื่อ พ.ศ. 2503 ตามเอกสารหมาย จ.1แต่ได้อยู่กินเป็นสามีภรรยากันมาก่อนจดทะเบียนสมรส เมื่อ พ.ศ. 2501กองทัพอากาศได้จัดสรรที่ดินให้แก่นายทหารอากาศตั้งแต่ชั้นสัญญาบัตรขึ้นไปมีสิทธิขอซื้อ ตามเอกสารหมาย ล.3 จำเลยได้ยื่นความจำนงขอซื้อ เมื่อได้รับอนุมัติให้ซื้อแล้ว จำเลยได้ผ่อนส่งราคาที่ดินพิพาทเป็นรายเดือน โดยผู้ขายได้หักเงินเดือนจำเลยทุกเดือนจนกว่าจะชำระราคาที่ดินพิพาทครบถ้วน ผู้ขายได้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย เมื่อ พ.ศ. 2514 ตามเอกสารหมาย จ.2 จำเลยได้ปลูกบ้านในที่ดินพิพาท เมื่อ พ.ศ. 2505 จำเลยได้ฟ้องหย่าโจทก์ต่อศาลแพ่ง ศาลแพ่งได้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากัน ตามคดีหมายเลขแดงที่ 4234/2522 คดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว มารดาจำเลยได้ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยจำเลยกับมารดาจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันตามเอกสารหมาย ล.7 จำเลยได้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่มารดาจำเลยแล้ว ตามเอกสารหมาย ล.8
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ที่ดินพิพาทเป็นของมารดาจำเลย โดยมารดาจำเลยเป็นผู้ซื้อ มารดาจำเลยได้มอบเงินสดให้แก่จำเลยนำไปซื้อจากกองทัพอากาศ จำเลยจึงเป็นตัวแทนของมารดาจำเลยในการซื้อที่ดินพิพาท ที่ดินพิพาทจึงมิใช่สินสมรสนั้น ในข้อนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้ยื่นความจำนงขอซื้อที่ดินพิพาทจากกองทัพอากาศและจำเลยยอมให้กองทัพอากาศหักเงินเดือนของจำเลยทุกเดือนเป็นการผ่อนชำระราคาที่ดิน เมื่อผ่อนชำระครบถ้วนแล้ว ผู้ขายได้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย เมื่อ พ.ศ. 2514 เป็นการโอนกันในระหว่างสมรสที่ดินพิพาทจึงเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลย ที่จำเลยเบิกความว่า ขณะจำเลยจะผ่อนราคาซื้อที่ดินพิพาท จำเลยไม่มีเงินเพราะจำเลยต้องผ่อนราคาซื้อรถยนต์อยู่1 คัน มารดาจำเลยจึงตกลงซื้อที่ดินพิพาทโดยใช้ชื่อจำเลยเป็นผู้ซื้อ มารดาจำเลยได้มอบเงินแก่จำเลย 20,000 บาท เพื่อให้จำเลยนำไปชำระราคารถยนต์ และให้จำเลยรับภาระผ่อนส่งราคาที่ดินพิพาทอันเป็นการผ่อนราคาที่ดินแทนจำเลยนั้น พิเคราะห์คำเบิกความของจำเลยดังกล่าวแล้ว เห็นว่าจำเลยเบิกความลอย ๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมาสนับสนุน คำเบิกความดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะฟังว่าที่ดินพิพาทมิใช่สินสมรส…”
พิพากษายืน.

Share