คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12251/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

สัญญาประกันที่ผู้ร้องทำไว้ต่อศาลชั้นต้นมีข้อความระบุว่า “ข้าพเจ้า… ขอทำสัญญาค้ำประกันต่อศาลว่า ถ้าจำเลยแพ้คดีโจทก์และไม่นำเงินมาชำระให้โจทก์ตามคำพิพากษาเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นเท่าใด ข้าพเจ้ายอมให้บังคับคดีเอาจากหลักประกันในคดีนี้ได้ทันที…” ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นบางส่วนโดยยังคงให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และคดีถึงที่สุดในชั้นอุทธรณ์แล้ว เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีและมิได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ ผู้ร้องจึงต้องรับผิดตามข้อความที่ระบุในสัญญาประกันดังกล่าว ความรับผิดของผู้ร้องตามสัญญาประกันฉบับนี้จะสิ้นไปก็ต่อเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง หรือโจทก์มิได้ร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยและผู้ร้องภายในสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาของศาลชั้นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 เมื่อคดียังอยู่ในระยะเวลาสิบปีที่โจทก์จะบังคับคดีได้ตามบทมาตราดังกล่าว โจทก์ย่อมมีสิทธิบังคับคดีแก่หลักประกันของผู้ร้องได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอรับหลักประกันคืน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 80,715 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ทั้งนี้ให้นำเงิน 50,000 บาท ที่จำเลยมาวางต่อศาลเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2551 มาหักดอกเบี้ย ณ วันดังกล่าวก่อน เสร็จแล้วเหลือเท่าใดให้นำมาหักต้นเงินกับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี และให้จำเลยชดใช้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแก่โจทก์ 3,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำสั่งว่าถ้าจำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนถึงวันทราบคำสั่งและต่อไปอีก 1 ปี มาวางศาลจนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง ผู้ร้องได้มอบอำนาจให้จำเลยนำที่ดินโฉนดเลขที่ 108364 ตำบลสะเดียง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ มาวางเป็นหลักประกันและทำสัญญาค้ำประกันต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นรับไว้เป็นหลักประกันและอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ไว้ตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 6 กับแจ้งอายัดไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์และให้ผู้ร้องทำสัญญาประกัน ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้นแทนโจทก์เป็นเงิน 5,000 บาท ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่กำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น กับให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 2,000 บาท แทนโจทก์ จำเลยฎีกาและยื่นคำร้องขอให้ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 6 อนุญาตให้ฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ฎีกา ยกคำร้อง โดยศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งของประธานศาลอุทธรณ์ภาค 6 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2557 และมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 จำเลยทราบคำสั่งไม่รับฎีกาเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2557
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนหลักประกันและขอรับโฉนดที่ดินที่วางเป็นประกันคืน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิขอรับโฉนดที่ดินที่วางเป็นหลักประกันในการขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์คืนหรือไม่ ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกันในการทุเลาการบังคับเฉพาะในชั้นอุทธรณ์ มิได้ค้ำประกันไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และในการบังคับคดีจะต้องบังคับภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา มิใช่นับแต่วันมีคำพิพากษาเป็นที่สุดนั้น เห็นว่า ตามสัญญาประกันที่ผู้ร้องทำไว้ต่อศาลชั้นต้นมีข้อความระบุว่า “ข้าพเจ้า… ขอทำสัญญาค้ำประกันต่อศาลว่า ถ้าจำเลยแพ้คดีโจทก์และไม่นำเงินมาชำระให้โจทก์ตามคำพิพากษาเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นเท่าใด ข้าพเจ้ายอมให้บังคับคดีเอาจากหลักประกันในคดีนี้ได้ทันที…” ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นบางส่วนโดยยังคงให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และคดีถึงที่สุดในชั้นอุทธรณ์แล้ว เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีและมิได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ ผู้ร้องจึงต้องรับผิดตามข้อความที่ระบุในสัญญาประกันดังกล่าว ความรับผิดของผู้ร้องตามสัญญาประกันฉบับนี้จะสิ้นไปก็ต่อเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง หรือโจทก์มิได้ร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยและผู้ร้องภายในสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาของศาลชั้นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 เมื่อคดียังอยู่ในระยะเวลาสิบปีที่โจทก์จะบังคับคดีได้ตามบทมาตราดังกล่าว โจทก์ย่อมมีสิทธิบังคับคดีแก่หลักประกันของผู้ร้องได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอรับหลักประกันคืน ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share