แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทชนท้ายรถยนต์โจทก์นั้น เป็นการบรรยายฟ้องโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาแล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ ซึ่งจำเลยที่ 1อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ ได้ขับรถยนต์ชนท้ายรถยนต์ของโจทก์ ตัวแทนของจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยรถคันที่จำเลยที่ 1 ขับ ได้ออกหลักฐานชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์แต่แล้วจำเลยทั้งสามก็ไม่ชำระ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าซ่อมรถยนต์ค่าเสื่อมสภาพหรือเสื่อมราคา ค่าเช่ารถยนต์ในขณะที่ซ่อมรถยนต์ของโจทก์กับดอกเบี้ยของค่าซ่อมรถยนต์และค่าเช่ารถยนต์ให้แก่โจทก์
ก่อนจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การ โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 3 ให้การว่า โจทก์และจำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของผู้ครอบครองรถคันเกิดเหตุชนกันทั้งสองคัน จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างและปฏิบัติงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างปฏิบัติงานในทางการที่จ้างของผู้อื่น เหตุที่รถชนกันเกิดขึ้นจากความประมาทของคนขับรถยนต์ฝ่ายโจทก์ จำเลยที่ 3 ไม่เคยส่งตัวแทนไปพบโจทก์ โจทก์เสียหายไม่เกิน 5,000 บาท ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายและดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ด้วยความประมาทชนท้ายรถยนต์ฝ่ายโจทก์ เป็นการบรรยายฟ้องโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาแล้วฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ข้อที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่าภรรยายโจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุของฝ่ายโจทก์ โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภรรยานั้นประเด็นข้อนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้มาแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยและวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1เป็นลูกจ้างกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทชนท้ายรถยนต์ของโจทก์ จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดในผลละเมิดจำเลยที่ 3ผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามสัญญาประกันภัย
พิพากษายืน