คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ขณะที่จำเลยที่1ยื่นคำขอออกใบแทนน.ส.3ก.อ้างว่าน.ส.3ก.สูญหายเจ้าพนักงานที่ดินประกาศการขอรับใบแทนแล้วไม่มีผู้ใดคัดค้านจึงได้ออกใบแทนให้แก่ผู้ขอแต่เมื่อปรากฏว่าน.ส.3ก.อยู่ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้สูญหายไปไหนกรณีต้องถือว่าการออกใบแทนน.ส.3ก.ไม่ชอบด้วยกฎหมายเจ้าพนักงานที่ดินต้องเพิกถอนใบแทนน.ส.3ก.ดังกล่าวตามประมวลกฎหมายที่ดินฯมาตรา61 โจทก์เป็นผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยเมื่อโจทก์ทราบว่าส. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่1โจทก์ฟ้องเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและอายัดที่ดินและเมื่อส. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความชำระเงินให้โจทก์แต่ต่อมาส. ผิดนัดโจทก์ก็นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทและขายทอดตลาดและโจทก์เป็นผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดได้การกระทำของโจทก์เป็นการใช้สิทธิทางศาลและแสดงให้เห็นว่าโจทก์กระทำการโดยสุจริตตลอดมาหากจำเลยที่1เห็นว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของส. แล้วจำเลยที่1ชอบที่จะร้องขัดทรัพย์แต่จำเลยที่1ก็มิได้ร้องขัดทรัพย์หรือโต้แย้งประการใดจนเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศและขายทอดตลาดไปตามคำสั่งศาลซึ่งโจทก์เป็นผู้ให้ราคาสูงสุดโจทก์จึงเป็นผู้ซื้อทรัพย์รายนี้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1330โจทก์ย่อมอยู่ในฐานะจดทะเบียนสิทธิเป็นของตนได้ก่อนและที่จำเลยที่1จดทะเบียนการโอนภายหลังโจทก์นำยึดที่ดินพิพาทแล้วก็ไม่อาจนำมาใช้ยันโจทก์ได้โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนใบแทนน.ส.3ก.ที่ดินพิพาทและเพิกถอนการจดทะเบียนการโอนที่ดินพิพาทระหว่างส. กับจำเลยที่1ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินตาม น.ส.3 ก.เลขที่ 4886 ได้จากการขายทอดตลาดในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่1226/2532 ของศาลชั้นต้น แต่ไม่สามารถเข้าครอบครองที่ดินและไม่สามารถจดทะเบียนโอนที่ดินเป็นของตนได้เพราะมีการออกใบแทนน.ส.3 ก. ในที่ดินดังกล่าว ขอให้เพิกถอนใบแทน น.ส.3 ก.เลขที่ 4886 ซึ่งออกให้แก่จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2532และเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในวันดังกล่าวด้วย
จำเลย ที่ 1 ขาดนัด ยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ดำเนินการจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 ไปตามอำนาจหน้าที่โดยสุจริตไม่เคยทราบว่าที่ดินพิพาทถูกยึดหรืออยู่ในระหว่างการบังคับคดี เพราะไม่ปรากฏหลักฐานเช่นนั้นที่สำนักงานที่ดินอำเภอสะแกแสง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่าเดิมที่ดินพิพาทและที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 4886 ตำบลขามเฒ่า อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมาเป็นของจำเลยที่ 1 ต่อมาปรากฏว่าที่ดินพิพาทได้มีการจดทะเบียนโอนขายจากจำเลยที่ 1 ให้แก่นางสุวรีย์ สุขโข จำเลยที่ 1 จึงฟ้องนางสุวรีย์ ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาท และนางสุวรีย์กับจำเลยที่ 1 ได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยนางสุวรีย์ตกลงโอนที่ดินพิพาทคืนให้แก่จำเลยที่ 1 ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 96/2532 ของศาลชั้นต้น แต่นางสุวรีย์ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยที่ 1จึงนำคำพิพากษาไปยื่นคำขอออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) อ้างว่าหาตัวนางสุวรีย์ไม่พบ แสดงว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) สูญหายแล้วเจ้าพนักงานที่ดินได้ออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ให้และจดทะเบียนโอนให้แก่จำเลยที่ 1 ตามคำสั่งศาล ส่วนโจทก์ได้ฟ้องนางสุวรีย์และจำเลยที่ 1 ขอให้เพิกถอนนิติกรรมระหว่างนางสุวรีย์กับจำเลยที่ 1 ดังกล่าว ในที่สุดโจทก์กับนางสุวรีย์ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยนางสุวรีย์ยอมคืนเงินให้แก่โจทก์จำนวน 90,000 บาท ภายในวันที่ 30 กันยายน 2532และถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1226/2532ของศาลชั้นต้น เมื่อถึงกำหนดนางสุวรีย์ผิดนัด โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาด เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศและทำการขายที่ดินพิพาทตามระเบียบโดยไม่มีผู้ใดคัดค้านโจทก์เป็นผู้ให้ราคาสูงสุดและศาลมีคำสั่งขายให้แก่โจทก์และมีหนังสือแจ้งนายอำเภอขามสะแกให้จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองให้แก่โจทก์ผู้ซื้อ เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอขามสะแกแสงแจ้งว่าได้มีการออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)ที่ดินพิพาทและโอนให้แก่จำเลยที่ 1 ตามคำสั่งศาลในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 96/2532 ของศาลชั้นต้นแล้ว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ที่ดินพิพาทและเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 หรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำขอออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) ลงวันที่ 3 เมษายน 2532 อ้างว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) สูญหายตามเอกสารหมาย จ.14เจ้าพนักงานที่ดินประกาศขอรับใบแทนแล้วไม่มีผู้ใดคัดค้านเจ้าพนักงานที่ดินได้ออกใบแทนให้แก่ผู้ขอแล้วก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) อยู่ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้สูญหายแต่อย่างใด กรณีต้องถือว่าการออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)ไม่ชอบด้วยกฎหมายเจ้าพนักงานที่ดินต้องเพิกถอนใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) ดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 บัญญัติว่า”สิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งหรือคำสั่งเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ในคดีล้มละลายนั้น ท่านว่ามิเสียไปถึงแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลย หรือลูกหนี้โดยคำพิพากษาหรือผู้ล้มละลาย” ปัญหาจึงมีว่า โจทก์ซื้อทรัพย์รายนี้โดยสุจริตหรือไม่เท่านั้น เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ของโจทก์ตั้งแต่โจทก์ทราบว่านางสุวรีย์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 โจทก์ก็ฟ้องเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและอายัดที่ดิน แต่เมื่อนางสุวรีย์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยินยอมชำระเงินให้แก่โจทก์ต่อมานางสุวรีย์ผิดนัด โจทก์ก็นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทและขายทอดตลาด โจทก์เป็นผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดการกระทำของโจทก์เป็นการใช้สิทธิทางศาล แสดงให้เห็นว่าโจทก์กระทำการโดยสุจริตตลอดมา แม้ขณะที่โจทก์นำยึดที่ดินพิพาท หากจำเลยที่ 1 เห็นว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่ของนางสุวรีย์แล้ว จำเลยที่ 1 ชอบที่จะร้องขัดทรัพย์ แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มิได้ร้องขัดทรัพย์หรือโต้แย้งประการใดจนเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศและขายทอดตลาดไปตามคำสั่งศาลซึ่งโจทก์เป็นผู้ให้ราคาสูงสุดข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อทรัพย์รายนี้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต โจทก์ย่อมอยู่ในฐานะจดทะเบียนสิทธิเป็นของตนได้ก่อน และจำเลยที่ 1 จดทะเบียนการโอนภายหลังโจทก์นำยึดที่ดินพิพาทแล้ว จึงใช้ยันโจทก์ไม่ได้โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.)ที่ดินพิพาทและเพิกถอนการจดทะเบียนการโอนที่ดินพิพาทระหว่างนางสุวรีย์กับจำเลยที่ 1 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับให้เพิกถอนใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 4886 ตำบลขามเฒ่า อำเภอโนนสูง(อำเภอขามสะแกแสง) จังหวัดนครราชสีมา และเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 4886 ตำบลขามเฒ่า อำเภอโนนสูง(ขามสะแกแสง)จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งโอนให้แก่จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่26 ตุลาคม 2532

Share