แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทไม่ใช่เป็นที่ดินของจำเลย แต่เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ย่อมต้องถือว่าเป็นป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4(1) เมื่อจำเลยเข้าทำการแผ้วถางป่านั้นซึ่งยังไม่เคยถูกแผ้วถางมาก่อน และเข้าไปยึดถือครอบครองที่ป่านั้นโดยมิได้รับอนุญาตย่อมต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54,72 ตรี ตามที่มีแก้ไขเพิ่มเติมและประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 แม้โจทก์จะได้กล่าวในฟ้องว่าที่พิพาทนี้เป็นที่ดินซึ่งทางราชการสงวนไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ด้วย ข้อนี้ก็มิใช่องค์ประกอบความผิดของบทกฎหมายดังกล่าว การขึ้นทะเบียนที่ดินนี้ไว้เป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้านจะได้กระทำไปโดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่จึงไม่ใช่ข้อสำคัญ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกแผ้วถางป่าและที่ดินซึ่งทางราชการสงวนไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54, 55, 72 ตรี แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 11, 16 ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 และให้จำเลยออกจากที่ดินด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 72 ตรี แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ปรับจำเลย 900 บาท ลดตามมาตรา 78 ให้หนึ่งในสาม คงปรับ 600 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ปรับจำเลย 300 บาท ลดโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 200 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ฟังว่า ที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งทางราชการได้ขึ้นทะเบียนไว้สำหรับให้ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน จำเลยบุกรุกเข้าแผ้วถางป่าและยึดถือครอบครองเพื่อทำไร่ทำสวนโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้การขึ้นทะเบียนที่ดินนั้นจะได้กระทำไปโดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ จำเลยก็ย่อมต้องมีความผิดตามโจทก์ฟ้อง เพราะที่พิพาทเป็นป่า ซึ่งตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4(1) นิยามความหมายของคำว่าป่าไว้ว่า เป็นที่ดินที่ยังมิได้มีบุคคลได้มาตามกฎหมายที่ดิน พิพากษายืน