แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อความในสัญญาฉบับเดียวกันขัดแย้งกันเองและไม่ชัดเจนพอที่จะพิจารณาถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญาได้ ศาลจะให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยเสียโดยพิจารณาแต่เพียงตัวสัญญาเท่านั้นย่อมไม่ได้ ในกรณีเช่นนี้ ศาลต้องสืบพยานต่อไปตามข้อต่อสู้ของจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเช่ายังไม่สิ้นอายุ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้ขับไล่
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่าสัญญาข้อ ๑ และสัญญาข้อ ๑๐ มีข้อความขัดแย้งกันอยู่ในตัว กล่าวคือ สัญญาข้อ ๑ คู่สัญญากำหนดระยะเวลาเช่ากันไว้ ๓ ปี แต่ในสัญญาข้อ ๑๐ กล่าวไว้อย่างคลุมเครือว่า เมื่อฝ่ายใดจะต้องการเลิกสัญญาก็ให้บอกให้อีกฝ่ายรู้ล่วงหน้าก่อน ๑ เดือน มิได้กล่าวไว้ให้ชัดเจนลงไปว่าในระหว่างอายุสัญญาเช่าหรือเมื่อครบสัญญาเช่าแล้ว ถ้าฝ่ายใดต้องการเลิกสัญญาก็ให้บอกให้รู้ล่วงหน้าก่อน ๑ เดือน ศาลอุทธรณ์จึงเห็นว่าสัญญาเช่านี้มีความหมายไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะตีคามไปอย่างใดอย่างหนึ่งได้ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความในสัญญาเช่าข้อ ๑ และสัญญาเช่าข้อ ๑๐ มีข้อความขัดแย้งกันอยู่ และไม่ชัดเจนพอที่จะพิจารณาถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญาได้ ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานต่อไปตามข้อต่อสู้ของจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ศาลฎีกาเห็นด้วย ฎีกาโจทก์จำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน