คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12194-12198/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ได้รับคำสั่งให้ทำงานล่วงเวลา เมื่อทำงานล่วงเวลาเสร็จแต่มิได้ตอกบัตรเพื่อลงเวลาเลิกงานด้วยตนเอง ซึ่งตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย เรื่อง การตอกบัตรแทนกัน หากฝ่าฝืน จำเลยจะลงโทษสูงสุดโดยการปลดจากการเป็นพนักงานทันที ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเกี่ยวกับการตอกบัตรเวลาทำงานนอกจากจะเป็นหลักฐานแสดงถึงระยะเวลาที่ลูกจ้างของจำเลยแต่ละคนปฏิบัติงานในแต่ละวันแล้ว ยังเป็นหลักฐานในการเบิกจ่ายค่าจ้างและค่าทำงานล่วงเวลาในกรณีที่มีการทำงานล่วงเวลาซึ่งจำเลยได้ประกาศเตือนลูกจ้างแล้ว หากมีการทุจริตเกี่ยวกับการตอกบัตรเวลาจำเลยจะเลิกจ้างทันที ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและการตอกบัตรเวลาทำงานมีความสำคัญที่จำเลยยึดถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การปกครองและระเบียบการทำงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นโดยเฉพาะจำเลยที่มีลูกจ้างจำนวนมาก แม้โจทก์ยังมิได้เบิกค่าล่วงเวลา แต่การกระทำของโจทก์ดังกล่าวส่อไปในทางทุจริต และถือได้ว่าการกระทำของโจทก์ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้และถือเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุผลและเป็นธรรม

ย่อยาว

คดีทั้งห้าสำนวนนี้ศาลแรงงานกลางสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันกับคดีหมายเลขแดงที่ 5352/2550 โดยให้เรียกโจทก์ทั้งห้าสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 6 และโจทก์คดีหมายเลขแดงที่ 5352/2552 ว่าโจทก์ที่ 5 และเรียกจำเลยทั้งหกสำนวนว่า จำเลย สำหรับโจทก์ที่ 5 คู่ความไม่อุทธรณ์จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 และที่ 6
โจทก์ทั้งหกสำนวนฟ้องจำเลย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งหกตามคำขอท้ายฟ้องแต่ละสำนวน
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 15,540 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และจ่ายค่าชดเชยจำนวน 23,310 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 4 พฤษภาคม 2549) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 5 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6
โจทก์ที่ 4 ถึงที่ 4 และที่ 6 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 และที่ 6 ได้รับคำสั่งให้ทำงานล่วงเวลาเมื่อทำงานล่วงเวลาเสร็จเวลาประมาณ 21 นาฬิกา โจทก์ดังกล่าวมิได้ตอกบัตรเพื่อลงเวลาเลิกงานจากนั้นพากันออกไปจากบริเวณที่ทำงานและไม่กลับมาที่ทำงานอีก ซึ่งตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยเรื่อง การตอกบัตรแทนกัน หากฝ่าฝืน จำเลยจะลงโทษสูงสุดโดยการปลดจากการเป็นพนักงานทันที ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่เกี่ยวกับการตอกบัตรเวลาทำงาน ตามประกาศและข้อบังคับ นอกจากจะเป็นหลักฐานแสดงถึงระยะเวลาที่ลูกจ้างของจำเลยแต่ละคนปฏิบัติงานในแต่ละวัน ยังเป็นหลักฐานในการเบิกจ่ายค่าจ้าง และค่าทำงานล่วงเวลาในกรณีที่มีการทำงานล่วงเวลาซึ่งจำเลยได้ประกาศเตือนลูกจ้างแล้ว หากมีการทุจริตเกี่ยวกับการตอกบัตรเวลาจำเลยจะเลิกจ้างทันที ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและการตอกบัตรเวลาทำงานมีความสำคัญที่จำเลยยึดถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การปกครองและระเบียบการทำงานเป็นนไปด้วยความเรียบร้อยและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นโดยเฉพาะจำเลยมีลูกจ้างจำนวนมาก หากไม่เคร่งครัดในเรื่องการตอกบัตรลงเวลาทำงานของลูกจ้างย่อมจะเกิดความยุ่งยากในการปกครองและก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยอย่างมากมายในกรณีมีการเบิกค่าจ้างและค่าล่วงเวลาเกินความเป็นจริงทำให้จำเลยต้องจ่ายเงินให้ลูกจ้างจำนวนมากโดยไม่ได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการทำงานอาจเป็นผลกระทบกระเทือนฐานะของจำเลยได้ แม้โจทก์ดังกล่าวจะยังมิได้เบิกค่าล่วงเวลาเพราะถูกเลิกจ้างในวันที่ 31 มีนาคม 2549 ก็ตาม แต่การกระทำของโจทก์ดังกล่าวส่อไปในทางทุจริตและถือได้ว่า การกระทำของโจทก์ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 และที่ 6 ได้ และถือเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุผลและเป็นธรรม
พิพากษายืน

Share