คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะให้รื้อถอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขอาคารที่ปลูกขึ้นโดยมิได้รับอนุญาตนั้นตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 ให้อำนาจศาลเป็นผู้ใช้ดุลพินิจพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ตามสมควรแก่กรณี อาจเพียงให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยไม่ต้องรื้อถอนก็ได้หาใช่ว่าเมื่อมีเอกชนผู้ใดทำการปลูกสร้างอาคารขึ้นโดยมิได้รับอนุญาตแล้วศาลจะต้องสั่งบังคับให้รื้อถอนอาคารนั้นเสมอไป

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยได้ปลูกสร้างอาคารตึกแถว ๓ ชั้น ราม ๖ ห้อง ขึ้นในที่ดินของผู้อื่นที่ตรอกสิบเบี้ย ถนนเยาวราช ตำบลจักรวรรดิ์ อำเภอสัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนคร ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลนครกรุงเทพฯ โดยมิได้รับอนุญาต เมื่อจำเลยสร้างเสร็จแล้วก็ให้คนเช่าหมดเต็มทุกห้องแล้ว จำเลยจึงได้โอนกรรมสิทธิ์อาคารที่ปลูกสร้างนั้นให้เป็นของเจ้าของที่ดินโดยจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้อต่อไป พนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาในข้อหาว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดและปรับจำเลย ๓๐๐ บาท โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ ขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนอาคารตึกแถวที่ปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าวนั้นออกเสียตามความในมาตรา ๑๑ วรรค ๒ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๔๗๙ ชั้นแรกศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาท จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์กลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่แล้ววินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยสร้างอาคารพิพาทเสร็จ จำเลยก็ได้มอบกรรมสิทธิ์อาคารนั้นให้คนอื่นไปแล้ว จำเลยย่อมไม่อยู่ในฐานะจะรื้อถอนอาคารของผู้อื่นได้ ทั้งตรอกสิบเบี้ยที่อาคารพิพาทปลูกอยู่ก็ไม่ใช่ถนนตามความหมายแพ่งเทศบัญญัติ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๔๗๙ มาตรา ๑๑ นั้น เป็นดุลพินิจให้อำนาจศาลที่จะสั่งให้รื้อถอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขในกรณีที่มีการก่อสร้างอาคารอันเป็นความผิดนั้นหรือไม่ก็ได้ แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร ตามรูปคดียังไม่สมควรสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาท พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างแล้วเห็นว่า ข้อความในมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๔๗๙ มีความหมายว่าการที่จะให้รื้อถอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขอาคารที่ปลูกขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นกฎหมายให้อำนาจศาลเป็นผู้ใช้ดุลพินิจพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ตามสมควรแก่กรณี เช่น อาจเพียงให้เปลียนแปลงแก้ไขโดยไม่ต้องรื้อถอนก็ได้ หาใช่ว่าเมื่อมีเอกชนผู้ใดทำการปลูกสร้างอาคารขึ้นโดยมิได้รับอนุญาตแล้วศาลจะต้องสั่งบังคับให้รื้อถอนอาคารนั้นเสมอไป ข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ปรากฎว่าอาคารพิพาทที่ปลูกสร้างขึ้นมีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง หรือผิดสุขลักษณะอนามัยหรือไม่อลปดภัยแก่ประชาชน ทั้งมิได้รุกล้ำที่ของบุคคลอื่นใด ที่ศาลอุทธรณ์ไม่สั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาท จึงชอบด้วยพฤติการณ์ของรูปคดี พิพากษายืน

Share